“ประพัฒน์”นั่งหัวโต๊ะปลุกกระแสชาวนาไทยให้ปฏิรูปตัวเอง

  •  
  •  
  •  
  •  

“ประพัฒน์” นั่งหัวโต๊ะนำนาวา “สมาคมสถาบันชาวนาไทย” ประชุมนัดแรก ปลุกกระแสชาวนาไทย ให้ลุกขึ้นมาปฏิรูป ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ชี้ต้องวางแนวทางการผลิตใหม่ ให้เป็นข้าวที่มีคุณภาพสูง และปลอดภัย เผยล่าสุดทางมณฑลซานตงของจีน สั่งข้าวหอมมะเกรดเอมาแล้ง ชิมลาง 100 ตัน คาดจะขยายเพิ่มขึ้นแน่นอน

            นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในฐานะนายกสมาคมสถาบันชาวนาไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมนัดแรกเมื่อเร็วๆนี้ว่า สมาคมสถาบันชาวนาไทย ได้ทำการจดทะเบียนเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่า องค์กรชาวนาเป็นองค์กรที่ขาดเอกภาพที่สุด ทางพลเอกประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรีได้เอ่ยปากเรื่องชาวนาควรรวมตัวกันให้เป็นเอกภาพ เพื่อการทำข้อเสนอถึงรัฐบาลจะได้มีน้ำหนักและมีพลัง

            ดังนั้นสภาเกษตรกรฯ เป็นองค์กรหลักของเกษตรกรจึงทำหน้าที่รวมพลังชาวนา จนปัจจุบันได้มีการรวมตัวกันของชาวนาจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมสถาบันชาวนาไทย เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสมาคมฯจะทำหน้าที่เป็นข้อต่อเชื่อมกับส่วนงานต่างๆ  รวบรวมความคิดของชาวนาในทุกภูมิภาคเพื่อนำเสนอในเชิงนโยบายถึงรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาชาวนาให้เบ็ดเสร็จและยั่งยืน รวมทั้งการพัฒนาอาชีพทั้งในด้านการเพิ่มคุณภาพผลผลิต  การลดต้นทุนด้วยวิธีผสมผสาน พัฒนาเป็นผู้ประกอบการ จัดช่องทางจำหน่าย

            “ตอนนี้ทางมณฑลซานตง ประเทศจีนได้สั่งออร์เดอร์ล๊อตแรกแล้ว เป็นข้าวหอมมะลิเกรด A 100 ตัน  เราด้รวบรวมจากชาวนาที่พร้อม เป็นข้าวคุณภาพดีได้ GAP เป็นการนำร่องก่อน  หลังจากนี้สมาคมฯจะผลักดันจัดส่งข้าวของชาวนาไปถึงมือผู้บริโภคที่ประเทศจีนด้วยจำนวนให้มากขึ้น” นายประพัฒน์ กล่าว

           นายกสมาคมสถาบันชาวนาไทยคนแรก กล่าวอีกว่า สำหรับสมาคมสถาบันชาวนาไทย ประกอบด้วยสมาชิก 3 ประเภทคือ สมาชิกประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ, สมาชิกประเภทเป็นองค์กร, และ สมาชิกประเภทชาวนาทั่วไป จึงอยากเห็นชาวนาไทยลุกขึ้นมาปฏิรูปตัวเอง ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง เพื่อที่จะวางแนวทางการผลิตใหม่ ให้เป็นข้าวที่มีคุณภาพสูง ให้เป็นข้าวที่ปลอดภัย ให้เป็นข้าวที่ผลิตด้วยต้นทุนต่ำลง เช่น การจัดทำศูนย์เครื่องจักรกลเกษตรในชุมชนตัวเอง โดยภาครัฐอุดหนุนให้กู้เงินดอกเบี้ยต่ำ

         “เราไม่ต้องการเงินฟรี หากชาวนารวมตัวกันเป็นวิสาหกิจแปรรูปเอง ทำแพคเกจจิ้งเอง ส่งออกเอง ชาวนาก็จะมีรายได้ที่สูงมากขึ้น คนกลางก็ลดน้อยลง  ชาวนาแต่ละจังหวัดแต่ละภาคควรจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาและวางยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกัน ไม่ควรเป็นยุทธศาสตร์แท่งเดียวอย่างปัจจุบัน” นายกสมาคมสถาบันชาวนาไทยคนแรก กล่าว

[adrotate banner=”3″]

          อย่างไรก็ตาม ยานประพัฒน์ ฝากบอกว่า ชาวนาทุกคนจะต้องมีข้าวของตัวเอง มีแนวทางในการปลูกและการทำตลาดของตัวเอง หากแยกยุทธศาสตร์ก็จะได้ผลิตภัณฑ์ข้าวที่หลากหลาย ตลาดก็มีความหลากหลายมากขึ้นจะไม่เสี่ยงเหมือนปัจจุบันที่มีตลาดแคบ มีข้าวอยู่ 2-3 สายพันธุ์เท่านั้น การผลิตควรมีการปรับตัว หาความรู้เพิ่มเติม ชาวนาที่จะเอาตัวรอดได้ส่วนใหญ่ก็จากการทำเกษตรผสมผสาน ไม่ทำนาอย่างเดียว ไม่ปลูกพืชไร่อย่างเดียว เพราะไม่พอกินและเก็บ ต้องปรับปรุงพื้นที่ ต้องมีกิจกรรมที่หลากหลายจะมีรายได้เข้ามาทุกเดือนด้วย

         เขา บอกด้วยว่า ล่าสุดทางสมาคมสถาบันชาวนาไทย ได้ทำหนังสือแจ้งถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องและขอพาคณะกรรมการฯเข้าพบเพื่อแนะนำตัวและชี้แจงถึงแนวทางในการทำงานร่วมกับภาคราชการต่อไป