ย้อนที่มาพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

  •  
  •  
  •  
  •  

            พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

     ทำขวัญธัญญาหารพืชพันธุ์ สร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรไทย

          “งานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ” เป็นพระราชพิธีซึ่งจัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลและบำรุงขวัญแก่เกษตรกรไทย กำหนดจัดขึ้นในเดือนหกของทุกปี ซึ่งระยะนี้เป็นระยะเหมาะสมที่จะเริ่มต้นการทำนา อันเป็นอาชีพหลักของประชาชนคนไทย แต่ไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนไว้เหมือนกับวันในพระราชพิธีอื่น ๆ ส่วนจะเป็นวันใดในเดือนหก หรือเดือนพฤษภาคมที่มีฤกษ์ยามที่เหมาะสมต้องตามประเพณี ก็ให้จัดขึ้นในวันนั้น โดยพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มีพระราชพิธี 2 พิธีรวมกัน คือ พระราชพิธีพืชมงคลอันเป็นพิธีสงฆ์ ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีวันแรกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (พิธีไถหว่าน) อันเป็นพิธีพราหมณ์ ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีในวันรุ่งขึ้น ณ มณฑลพิธีสนามหลวง

            นับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเรื่อยมางานแรกนาขวัญมีแต่เพียงพิธีทางศาสนาพราหมณ์เท่านั้น จนกระทั่งถึงรัชสมัยของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีสงฆ์เพิ่มขึ้นในพระราชพิธีต่าง ๆ ทุกพิธี ดังนั้น พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญจึงได้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยได้จัดรวมกับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ จึงมีชื่อเรียกรวมกันว่า “พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ”

            การจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ได้กระทำเต็มรูปบูรพประเพณีครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2479 แล้วว่างเว้นไปจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2503 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ฟื้นฟูพระราชพิธีขึ้นใหม่และได้กระทำติดต่อกันมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน ด้วยเห็นว่าเป็นการรักษาพระราชพิธีอันดีงาม มีผลในการบำรุงขวัญและจิตใจของเกษตรกรไทย โดยในปี 2561 นี้ ปฏิทินหลวงได้กำหนดให้ วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2561 เป็นวันสวดมนต์เริ่มการพระราชพิธีพืชมงคลภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นวันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ     ณ มณฑลพิธีสนามหลวง

 

           ในแต่ละปีได้มีการกำหนดว่า ผู้ทำหน้าที่พระยาแรกนา คือ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยใน     ปี 2561 นี้ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่พระยาแรกนา ส่วนผู้ที่มาทำหน้าที่เป็นเทพีทั้งหาบทองและหาบเงิน จะทำการคัดเลือกจากบรรดาข้าราชการหญิงโสด ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีตำแหน่งตั้งแต่ข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นโทขึ้นไป สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกเทพีในแต่ละปีจะดูที่ความเหมาะสมต่าง ๆ ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่เป็นทางการ คือ โสดและได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์แล้ว ที่ไม่เป็นทางการ คือ อายุพอสมควร สุขภาพดี ส่วนสูงพอเหมาะหรือสูงใกล้เคียงกัน

         สำหรับในปีนี้ เทพีคู่หาบทอง ได้แก่ นางสาวนันทวัน สุวรรณสถิตย์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ กรมชลประทาน นางสาวพรพิมล ศิริการ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ กรมส่งเสริมการเกษตร เทพีคู่หาบเงิน ได้แก่ นางสาวกันยารัตน์ นาคกูล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางสาวดวงพร งามประดิษฐ์ นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ กรมวิชาการเกษตร

        ส่วนพระโคที่ใช้ในการประกอบพระราชพิธีฯ นั้น กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการคัดเลือกพระโคตามหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม คือ จะต้องเป็นโคที่มีลักษณะดี รูปร่างสมบูรณ์มีความสูงไม่น้อยกว่า 150 เซนติเมตร ความยาวของลำตัวไม่น้อยกว่า 120 เซนติเมตร ความสมบูรณ์รอบอกไม่น้อยกว่า 180 เซนติเมตร โคทั้งคู่จะต้องมีสีเดียวกันผิวสวย ขนเป็นมัน กิริยามารยาทเรียบร้อย ฝึกง่าย สอนง่าย ไม่ดุร้าย เขามีลักษณะโค้งสวยงามเท่ากัน ตาแจ่มใส หูไม่มีตำหนิ หางยาวสวยงาม มีขวัญทัดดอกไม้ซ้ายขวาและขวัญหลังถูกต้องตามลักษณะที่ดี กีบและข้อเท้าแข็งแรง ถ้ามองดูด้านข้างของลำตัวจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม งานพระราชพิธี ฯ ทุกปีจะเตรียมพระโคไว้ 2 คู่ ปีนี้พระโคแรกนา ได้แก่ พระโคพอ และพระโคเพียง ส่วนพระโคสำรอง ได้แก่ พระโคเพิ่ม และพระโคพูล

            ขณะที่พันธุ์ข้าวที่ใช้ในงานพระราชพิธี ฯ ซึ่งผู้คนในสนามหลวงทุกเพศทุกวัยจะกรูกันเข้าไปยังลานแรกนา เพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวกลับไปเป็นสิริมงคลนั้น นับตั้งแต่ปี 2504 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ได้มาจากแปลงนาในสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ที่ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมการข้าวจัดทำขึ้นเพื่อเก็บเกี่ยวเป็นพันธุ์ข้าว ทรงปลูกพระราชทานสำหรับไว้ใช้ในงานพระราชพิธี ฯ โดยเฉพาะ

         ในปี 2561 นี้ เมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกที่นำเข้าในพระราชพิธี มีทั้งหมด 7 พันธุ์ น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 1,799 กิโลกรัม ประกอบด้วย ข้าวปทุมธานี1 ข้าวสังข์หยดพัทลุง ขาวดอกมะลิ105 กข57 กข43 กข71 และ กข6 ส่วนหนึ่งใช้หว่านในระหว่างพิธี และจัดเป็น “พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน” บรรจุใส่ซองขนาดเล็กเพื่อจัดส่งให้จังหวัดต่าง ๆ สำหรับใช้แจกจ่ายแก่เกษตรกรรับไปเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคลในการประกอบอาชีพตามพระราชประสงค์ และเมล็ดพันธุ์ที่เหลือทั้งหมด กรมการข้าวขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำไปปลูกไว้ทำพันธุ์ในฤดูกาลปี 2561 เพื่อเป็นต้นตระกูลของพืชพันธุ์ดีเผยแพร่สู่เกษตรกรต่อไป 

         การเสี่ยงทายในพระราชพิธี ฯ แต่ละปีนั้นประกอบด้วย 2 ช่วง คือ ช่วงแรกพระยาแรกนาจะตั้งสัตยาธิษฐานหยิบนุ่งทับผ้านุ่งเดิมนั้นเป็นผ้าลายมีด้วยกัน 3 ผืน คือ หกคืบ ห้าคืบ และสี่คืบ ผ้านุ่งนี้จะวางเรียงบนโตกมีผ้าคลุมเพื่อให้ พระยาแรกนาหยิบ ถ้าหยิบได้ผืนใดก็จะมีคำทำนายไปตามนั้นคือ ถ้าหยิบได้ 4 คืบ พยากรณ์ว่าน้ำจะมากสักหน่อย นาในที่ดอนจะได้ผลบริบูรณ์ดี นาในที่ลุ่มอาจจะเสียหายบ้างได้ผลไม่เต็มที่

          ถ้าหยิบได้ 5 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี ถ้าหยิบได้ผ้า 6 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำจะน้อย นาในที่ลุ่มจะได้ผลบริบูรณ์ดีแต่นาในที่ดอนจะเสียหายบ้าง ไม่ได้ผลเต็มที่ ส่วนช่วงที่ 2 คือ ภายหลังจากการไถหว่านซึ่งจะเป็นการไถดะไปโดยรี 3 รอบ เพื่อพลิกดินให้เป็นก้อน ไถโดยขวาง 3 รอบ เพื่อย่อยดินให้ละเอียดพร้อมหว่านเมล็ดพันธุ์พืช และไถกลบอีก 3 รอบ เพื่อกลบเมล็ดพันธุ์พืชลงในดิน

          เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการไถแล้วจะเป็นการเสี่ยงทายของกิน 7 สิ่งตั้งเลี้ยงพระโค ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวโพด ถั่วเขียว งา เหล้า น้ำและหญ้า เมื่อพระโคกินของสิ่งใดโหรหลวงจะถวายคำพยากรณ์ ดังนี้ ถ้าพระโคกินข้าวหรือข้าวโพด พยากรณ์ว่า ธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี ถ้าพระโคกินถั่วหรืองา พยากรณ์ว่า ผลาหาร ภักษาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี ถ้าพระโคกินน้ำหรือหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหารผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี และถ้าพระโคกินเหล้า พยากรณ์ว่า การคมนาคมสะดวกขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้นทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง

            ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาลงมติให้วันพระราชพิธีพืชมงคลนี้เป็น “วันเกษตรกร” นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นต้นมา เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรพึงระลึกถึงความสำคัญของการเกษตร และร่วมมือกันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่อาชีพของตน ทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศชาติ จึงได้จัดงานวันเกษตรกรควบคู่ไปกับงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญตลอดมา โดยในปี 2561 เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นประเภทต่าง ๆ ที่ผ่านการคัดเลือกได้รับรางวัลและยกย่องประกาศเกียรติคุณพร้อมทั้งเผยแพร่ผลงานให้สาธารณชนทั่วไปได้รู้จักและยึดถือเป็นแบบอย่างในแนวทางการปฏิบัติ มีดังนี้

[adrotate banner=”3″]

                    เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 16 ราย

  • อาชีพทำนา ได้แก่ นายชัชวาลย์ ท้าวมะลิ บ้านเลขที่ ๑๐๒ หมู่ที่ ๗ ตำบลเชียง เพ็ง อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี 
  • อาชีพทำสวน ได้แก่ นายธีรภัทร อุ่นใจ บ้านเลขที่ ๓/๖ หมู่ที่ ๘ ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฎ จังหวัดจันทบุรี
  • อาชีพทำไร่ ได้แก่ นางทองแดง แดนดี บ้านเลขที่ ๗๒ หมู่ที่ ๕ ตำบลหนองกี่ อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์
  • อาชีพไร่นาสวนผสม ได้แก่ นายใจ สุวรรณกิจ บ้านเลขที่ ๒๒๔ หมู่ที่ ๒ ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง
  • อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ได้แก่ นางกุลกนก เพชรเลิศ บ้านเลขที่ ๑๒ หมู่ที่ ๒ ตำบลสนวน อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์
  • อาชีพเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ นายมูฮำมัดกาแมล เจะมะ บ้านเลขที่ ๑๗ หมู่ที่ ๖ ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
  • อาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ได้แก่ นายอดิศัย ว่องไวไพโรจน์ บ้านเลขที่ ๙๒ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลหลุมรัง อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
  • อาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย ได้แก่ นายวศิน ธนภิรมณ์ บ้านเลขที่ ๑๐๔ / ๕ หมู่ที่ ๑ ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

สิทธิธรรม เรืองจรุงพงศ์ : ภาพนี้จาก brandinside.asia

  • อาชีพเพาะเลี้ยงปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ได้แก่ นายสิทธิธรรม เรืองจรุงพงศ์ บ้านเลขที่ ๘ หมู่ที่ ๑๖ ตำบลสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
  • อาชีพปลูกสวนป่า ได้แก่ นางธวัลรัตน์ คำกลาง บ้านเลขที่ ๙๑ / ๑ หมู่ที่ ๖ ตำบลวังกระทะ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
  • สาขาบัญชีฟาร์ม ได้แก่ พจท.เฉลียว น้อยแสง บ้านเลขที่ ๔๒ / ๓ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท
  • สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้แก่ นายสัญญา หิรัญวดี บ้านเลขที่ ๖๑ หมู่ที่ ๕ ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
  • สาขาการใช้วิชาการเกษตรดีที่เหมาะสม ได้แก่ นายบุญมี นามวงศ์ บ้านเลขที่ ๖๐ หมู่ที่ ๙ ตำบลบ้านแท่น อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ
  • ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกร ได้แก่ นายศรีราชา บัวเบา บ้านเลขที่ ๙๒ / ๑ หมู่ที่ ๓ ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
  • สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกร ได้แก่ นายศุภวิชญ์ บำรุงรัตน์ บ้านเลขที่ ๑๘ / ๑ หมู่ที่ ๓ ตำบลสนามไชย อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี
  • สาขาเกษตรอินทรีย์ ได้แก่ นายสฤษดิ์ โชติช่วง บ้านเลขที่ ๕ หมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 11 สถาบัน

  • กลุ่มเกษตรกรทำสวน ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านควนสามโพธิ์ บ้านเลขที่ ๓๗๙ หมู่ที่ ๕ ตำบลควนขนุน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง
  •                                                ภาพจาก:สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดน่าน
  • กลุ่มเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ประดู่หางดำทุ่งช้าง บ้านเลขที่ ๔๖ หมู่ที่ ๗ ตำบลทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
  • กลุ่มเกษตรกรทำประมง หรือกลุ่มเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นตำบลหาดเล็ก บ้านเลขที่ ๒๓๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
  • กลุ่มเกษตรกรแปรรูปสัตว์น้ำ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปถนอมอาหาร บ้านเลขที่ ๗๕ / ๒ หมู่ที่ ๔ ตำบลป่าสัก อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
  • กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ได้แก่ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองเหรียง บ้านเลขที่ ๒๐๑ หมู่ที่ ๗ ตำบลบ้านนา อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง
  • กลุ่มยุวเกษตรกร ได้แก่  กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนเพียงหลวง๒ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โรงเรียนเพียงหลวง ๑๒ หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
  • กลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบ้านท่าไม้ บ้านเลขที่ ๕๔ / ๒ หมู่ที่ ๒ ตำบลท่าไม้ อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
  • สถาบันเกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทาน ได้แก่ กลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทาน ท่ายางบ้านลาดพัฒนา ศาลาชมรมผู้สูงอายุ หมู่ที่ ๗ ตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
  • ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ประเภทข้าวหอมมะลิ ได้แก่ ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลเมยวดี ศูนย์ข้าวชุมชน หมู่ที่ ๑ ตำบลเมยวดี อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด
  • ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ประเภทข้าวอื่น ๆ ได้แก่ ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนพัฒนาบ้านบึงประดู่ บ้านเลขที่ ๗๖ หมู่ที่ ๕ ตำบลทับหมัน อำเภอตะทานหิน จังหวัดพิจิตร
  • วิสาหกิจชุมชน ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว บ้านเลขที่ ๔๒ หมู่ที่ ๑ ตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด

 สหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 7 สหกรณ์

  • สหกรณ์การเกษตร ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรขามสะแกแสง จำกัด บ้านเลขที่ ๓๔๒ หมู่ที่ ๒ ตำบลขามสะแกแสง อำเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา
  • สหกรณ์โคนม ได้แก่ สหกรณ์โคนมไทย – เดนมาร์ค (ลำพญากลาง) จำกัด บ้านเลขที่ ๗๖ หมู่ที่ ๑ ตำบลลำพญากลาง อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
  • สหกรณ์นิคม ได้แก่ สหกรณ์นิคมคลองสวนหมาก จำกัด บ้านเลขที่ ๒๑๒ หมู่ที่ ๕ ตำบลสักงาม อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร
  • สหกรณ์ผู้ผลิตยางพารา ได้แก่ สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านเสม็ดจวนพัฒนา จำกัด บ้านเลขที่ ๖๕ / ๘ หมู่ที่ ๔ ตำบลกุแหระ อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช

ภาพนี้จาก.google.com / สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จำกัด

  • สหกรณ์ออมทรัพย์ ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จำกัด บ้านเลขที่ ๒๘๓ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
  • สหกรณ์ร้านค้า ได้แก่ ร้านสหกรณ์โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี จำกัด บ้านเลขที่ ๕๖ หมู่ที่ ๒ ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี
  • สหกรณ์บริการ ได้แก่ สหกรณ์สี่ล้อเล็กภูเก็ต จำกัด บ้านเลขที่ ๔๖ / ๑๒๒ หมู่ที่ ๖ ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

                   นอกจากนี้ได้มีการคัดเลือกปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน เพื่อเข้ารับพระราชทานประกาศเกียรติคุณในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2561 จำนวน 3 สาขา ได้แก่

ภาพนี้จาก :oknation

             1) นายสุธรรม จันทร์อ่อน  เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง

             2) นายเสถียร มาเจริญรุ่งเรือง  เป็นปราชญ์เกษตรของของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น

             3) นายกฤตกร แซ่เอี๊ยบ เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน  สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนและเครือข่าย

            ทั้งนี้เกษตรกร สถาบันเกษตรกรดีเด่น และปราชญ์เกษตรทั้งหมด จะเข้ารับพระราชทาน       โล่รางวัลในวันพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2561 ณ บริเวณมณฑลพิธีสนามหลวง