4 หน่วยงานภาคเอกชนและชุมชน “หอการค้าจังหวัดชัยภูมิ- สภาอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ- วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตอินทรีย์ชีวภาพ อ.เภอภักดีชุมพล-บริษัท หัวเชี่ย อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด” ร่วมลงนาม MOU ว่าด้วยขับเคลื่อนเขตเกษตรอุตสาหกรรมสีเขียวในจังหวัดชัยภูมิ กับรัฐวิสาหกิจมณฑลเหอะหนาน เพื่อผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารส่งไปยังประเทศจีน หวังสร้างความมั่นคงทางอาหารและสร้างรายได้เกษตรกร
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ที่ผ่าน ได้มีพิธีการลงนามข้อตกลงการสนับสนุนและขอบเขตความร่วมมือการขับเคลื่อนเขตเกษตรอุตสาหกรรมสีเขียวในจังหวัดชัยภูมิ ระหว่างหอการค้าจังหวัดชัยภูมิ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตอินทรีย์ชีวภาพ อำเภอภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ บริษัท หัวเชี่ย อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และ รัฐวิสาหกิจมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีนที่จังหวัดชัยภูมิ
โดยมีนายสมพร บุญเกิน รองประธานหอการค้าจังหวัดชัยภูมิ นายวชิระวิชญ์ จารุพัฒนวาณิช รองประธานสภาอุตสาหกรรม นายสุรพัฒน์ หมื่นศรีรัตน์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตอินทรีย์ชีวภาพ อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ นายหวัง จีจิ้นบริษัท กรรมการผู้จัดการบริษัท หัวเซีย อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด MR.LI GUOBIAO ประธานรัฐวิสาหกิจมณฑลเหอหนาน เป็นร่วมลงนาม
นายสุรพัฒน์ หมื่นศรีรัชต์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตอินทรีย์ชีวภาพ กล่าวว่า ในข้อตกลงครั้งนี้ เป็นความร่วมมือการขับเคลื่อนเขตเกษตรอุตสาหกรรมสีเขียว ซึ่งเป็นไปตามประกาศของจังหวัดชัยภูมิ ต้องการให้ชัยภูมิเป็นจังหวัดการเกษตรสีเขียว จัดทำและจำหน่ายวัตถุดิบตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในระดับสากล หรือ GAP to Organic และร่วมกันพัฒนาเกษตรอินทรีย์ครบวงจร โดยจะร่วมกันวิจัยและพัฒนา การปลูกพืชปลอดสารพิษ เพื่อให้จังหวัดชัยภูมิเป็นจังหวัดการเกษตรปลอดสารพิษ
‘”ครงการนี้จะทำให้ชัยภูมิสามารถขับเคลื่อนเกษตรสีเขียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งผู้ลงทุน ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ครบวงจร จะทำให้ชัยภูมิปลอดภัยจากการใช้สารเคมี ผู้บริโภคมีสุขภาพดี เกษตรกรมีค่าใช้จ่ายในด้านผลิตลดลง มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างสุขภาพที่ของผู้บริโภค” นายสุรพัฒน์ กล่าว
ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตอินทรีย์ชีวภาพ กล่าวอีกว่า การคิดค้นวิจัยและการผลิตสินค้าเกษตรปลอดสารพิษ ไม่เพียงเพื่อบริโภคในประเทศไทย แต่จะเป็นช่องทางการนำผลิตผลทางการเกษตรปลอดสารพิษเข้าไปจำหน่ายในประเทศจีนและประเทศอื่น ตามกฎระเบียบของอียูและหลายประเทศที่ต้องการส่งเสริมพัฒนาผลิตผลปลอดสารพิษและลดโลกร้อน
“จังหวัดชัยภูมิ มีความได้เปรียบ เป็นจังหัดที่อยู่กึ่งกลางของประเทศ สามารถกระจายผลผลิตได้ทั่วถึงและสามารถกระจายไปยังประเทศจีนอย่างสะดวกด้วย” เขา กล่าว
ด้านนายสมพร บญเกิน รองประธานหอการค้าจงหวัดขัยภูมิ กล่าวว่า หอการค้าฯพร้อมให้ความร่วมมือ และส่งเสริมการสร้างเกษตรสีเขียวให้ประสบความสำเร็จ จังหวัดชัยภูมิมีศักยภาพในการลงทุนแต่ที่ผ่านมามักจะถูกมองข้าม จึงขอเชิญชวนให้นักลงทุน นักธุรกิจมาลงทุนในจังหวัดมากๆ เพื่อขับเคลื่อนให้คนชัยภูมิมีรายได้ มีความเป็นอยู่ที่ดี
ขณะที่ MR.LI GUOBIAO ประธนรัฐวิสาหกิมณฑลเหอนาน กล่าวว่า ทางจีนพร้อมนำเทคโนโลยีการผลิตมาส่วเสริมเกษตรกรและผู้สนใจ เพื่อส่งเสริมการเกษ๖รปลอดสารพิษในจังหวัดชัยภูมิและในประเทศไทย ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงและมีช่องว่างทางการตลาดอีกมาก เพราะมีความปลอดภัยของผู้บริโภค และเป็นช่องทางที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน