สหราชอาณาจักร อีกหนึ่งประเทศที่พร้อมจะปลดล็อกการแก้ไขยีน

  •  
  •  
  •  
  •  

โดย…ดร.นิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต

     สหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ โดย George Eustice รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมได้ประกาศเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมาว่า มีแผนปลดล็อกการแก้ไขยีน เพื่อช่วยให้เกษตรกรปลูกพืชที่มีความต้านทานมากขึ้น มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น และให้ผลผลิตมากขึ้น ซึ่งเป็นการแสดงออกของรัฐบาลที่มีต่อการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวกับการแก้ไขยีน (Gene Editing)

      การออกจากสหภาพยุโรป ทำให้สหราชอาณาจักรสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ของตนเองได้ เป็นการเปิดโอกาสให้การควบคุมเทคโนโลยีทางพันธุกรรมอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์มากขึ้น และ ในขั้นตอนแรก รัฐบาลจะเปลี่ยนกฎที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขยีน เพื่อทำให้มีการวิจัยและพัฒนาได้ง่ายขึ้น โดยจะเน้นไปที่พืชที่พัฒนาโดยเทคโนโลยีทางพันธุกรรม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมอาจเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติหรืออาจเป็นผลมาจากวิธีการปรับปรุงพันธุ์แบบดั้งเดิม

      Eustice กล่าวว่า “การแก้ไขยีนมีความสามารถในการควบคุมทรัพยากรพันธุกรรมที่ธรรมชาติจัดหาให้ และเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยในการจัดการกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ”

     นักวิทยาศาสตร์จะยังคงต้องแจ้งให้ Defra (Department for Environment, Food and Rural Regulation)ทราบถึงการทดลองวิจัยใดๆ ที่กำลังดำเนินงาน ส่วนขั้นตอนต่อไปคือการทบทวนข้อกำหนดด้านกฎระเบียบของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMO)

      ทั้งนี้เพื่อแยกสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการแก้ไขยีนและเทคโนโลยีทางพันธุกรรมอื่น ๆ ออกจากการพัฒนาโดยการปรับปรุงพันธุ์แบบดั้งเดิม กฎระเบียบของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมจะยังคงมีผลบังคับใช้เมื่อการแก้ไขยีนเป็นการถ่ายฝากดีเอ็นเอจากชนิดพันธุ์อื่น

      ครับ จากคำประกาศนี้ ชี้ให้เห็นว่าจะมีการกำกับดูแลเฉพาะการแก้ไขยีนในรูปแบบที่ 3 (SDN3) ที่มีการถ่ายฝากยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่น

     อานเพิ่มเติมได้ที่ https://www.gov.uk/government/news/plans-to-unlock-power-of-gene-editing-unveiled