โดย…ดร.นิพนธ์ เอี่ยมสุภาษิต
การศึกษาชิ้นใหม่พบว่าข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรม ได้ก่อให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารอย่างมากในประเทศแอฟริกาใต้ รวมทั้งลดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยให้เกษตรกรรายย่อยมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลที่ได้จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Global Food Security โดยทีมผสมจากมหาวิทยาลัยอาร์คันซอ และมหาวิทยาลัยรัฐแคนซัสในสหรัฐอเมริกา สภาการวิจัยทางการเกษตรในแอฟริกาใต้ และมหาวิทยาลัยเกนต์ในเบลเยียม
ผลการศึกษาในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ประโยชน์โดยรวมทั้งหมดของข้าวโพดขาวดัดแปลงพันธุกรรมในแอฟริกาใต้มีมูลค่าอยู่ที่ 694.7 ล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2544-2561 นอกจากนี้เกษตรกรยังสามารถหลีกเลี่ยงการนำที่ดินใหม่มาใช้ในการเพาะปลูกเนื่องจากการปลูกข้าวโพดขาวดัดแปลงพันธุกรรมได้ให้ผลผลิตมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความมั่นคงทางอาหารในแอฟริกาใต้
ข้าวโพดขาวเป็นพืชอาหารหลักเพียงชนิดเดียวของแอฟริกาใต้ที่ปลูกเป็นการค้าอย่างแพร่หลายสำหรับการบริโภคของมนุษย์โดยตรงโดยใช้พันธุ์ข้าวโพดขาวดัดแปลงพันธุกรรม นอกจากนี้ยังปลูกถั่วเหลืองและฝ้ายดัดแปลงพันธุกรรมด้วย
นอกจากนี้ได้มีการศึกษาเปรียบเทียบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อเฮกตาร์ (หน่วยพื้นที่) ของข้าวโพดขาวดัดแปลงพันธุกรรมและข้าวโพดขาวปกติ พบว่าข้าวโพดขาวดัดแปลงพันธุกรรมสามารถลดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมได้ 0.34 ดอลลาร์ต่อเฮกตาร์หรือ 291,721 ดอลลาร์ต่อปี อันเนื่องมาจากการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่ลดลง เมื่อเทียบกับข้าวโพดขาวลูกผสมทั่วไป
ผู้ศึกษา กล่าวว่า “ผลการศึกษานี้มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการหักล้าง อย่างน้อยในบริบทของแอฟริกาใต้ จากการวิพากษ์วิจารณ์ที่มักอ้างว่าพืชดัดแปลงพันธุกรรมมีผลกระทบที่คลุมเครือต่อความไม่มั่นคงด้านอาหาร”
ผู้ศึกษายังได้เสนอให้ใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม เพื่อบรรเทาความไม่มั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคใต้ทะเลทรายซาฮารา ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่ตามมาต่อการเกษตรในเขตพื้นที่ใต้ทะเลทรายซาฮารา
ครับ นี่คือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้พืชดัดแปลงพันธุกรรม หรือเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม ในประเทศแอฟริกาใต้ ในขณะที่รัฐบาลประเทศไทยไม่ต้องการ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://allianceforscience.cornell.edu/blog/2021/06/south-africa-has-reaped-major-benefits-from-gm-maize-study-finds/