“อ.ยักษ์” เดินหน้าขับเคลื่อน “เตรียมความพร้อมเพื่อการขับเคลื่อนนโยบายปรับโครงสร้างการผลิต ภาคการเกษตรโดยกลไกสหกรณ์” มุ่งเน้นพัฒนาความสามารถของสหกรณ์
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “เตรียมความพร้อมเพื่อการขับเคลื่อนนโยบายปรับโครงสร้างการผลิต ภาคการเกษตรโดยกลไกสหกรณ์” ณ อาคารฝึกอบรมส่วนกลาง ชั้น 3 สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ ว่า การปรับปรุงโครงสร้างการเกษตรโดยกลไกสหกรณ์ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลเพื่อยกระดับและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตัว
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเพิ่มความความสามารถทางการแข่งขัน พัฒนาเครือข่ายการศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ เพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าสหกรณ์ ร่วมทั้งให้มีบทบาทการจัดการผลผลิตของสมาชิกในช่วงฤดูผลผลิต โดยการให้สหกรณ์ภาคการเกษตรเป็นสหกรณ์หลักระดับอำเภอ เป็นศูนย์กลางจัดพืชผลทางการเกษตรให้ชุมชนและทำหน้าที่เชื่อมโยงสินค้าสหกรณ์ไปสู่ผู้ประกอบการ
[adrotate banner=”3″]
สำหรับการเตรียมความพร้อมให้บุคลากรกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่จะต้องเข้าไปส่งเสริม สนับสนุนสหกรณ์กลุ่มเป้าหมาย ให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายปรับโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรโดยกลไกสหกรณ์ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ทางกรมส่งเสริมสหสหกรณ์ จึงได้มีการจัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “เตรียมความพร้อมเพื่อการขับเคลื่อนนโยบายปรับโครงสร้างการผลิต ภาคการเกษตรโดยกลไกสหกรณ์”
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่สามารถเป็นฐานของการพัฒนาการขับเคลื่อนการดำเนินการระหว่างหน่วยงานได้ และพัฒนาการทำงานเป็นทีมร่วมกันระหว่างหน่วยงานสามารถสร้างการปฏิรูปภาคการเกษตรทั้งระบบให้ดียิ่งขึ้นไป
“การเตรียมความพร้อมเพื่อการพัฒนาคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ จึงเป็นการสร้างคนรุ่นใหม่ให้ทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ และนำศาสตร์ของพระราชามาปรับใช้กับการทำงาน และส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกร บุคลากรกลุ่มนี้จะเป็นความหวังในการสร้างอนาคต ไปพร้อมกับบุคลากรรุ่นเก่า กระบวนการการพัฒนาคนรุ่นใหม่จะเป็นหารออกแบบให้เหมาะกับโลกยุคนี้ เพื่อลดช่องว่างและสร้างค่านิยมเพื่อไปพัฒนาการขับเคลื่อนการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานได้ สามารถสร้างปฏิรูปภาคการเกษตรและก่อให้เกิดประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ และสังคมได้” นายวิวัฒน์ กล่าว