“อ.ยักษ์” นำคนรุ่นใหม่ไทยนิยมยั่งยืน ขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาพัฒนาสหกรณ์ เดินทางรถไฟมุ่งหน้าอ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ร่วมเวิร์คช็อปฝึกปฏิบัติในพื้นที่จริงให้เห็นผลเชิงประจักษ์ หนุนใช้แนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่จัดการทรัพยากรดินและน้ำ หวังปลุกจิตสำนึกคนรุ่นใหม่ให้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน
นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการคนรุ่นใหม่ไทยนิยมยั่งยืนขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาพัฒนาสหกรณ์อำเภอแม่แจ่ม หลักสูตรที่ 2 ณ สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ เขตดุสิต ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้จัด “โครงการคนรุ่นใหม่ไทยนิยมยั่งยืนขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาพัฒนาสหกรณ์ อำเภอแม่แจ่ม หลักสูตรที่ 2” ในระหว่างวันที่ 23 – 25 มีนาคม 2561 ณ สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ที่ 9 จ.เชียงใหม่ และบ้านสองธาร ต.บ้านทับ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาการเกษตรในอำเภอแม่แจ่มทั้งระบบ ด้วยการประยุกต์แนวทางทฤษฎีใหม่ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน
สำหรับการดำเนินโครงการครั้งนี้ ถือเป็นการปลุกจิตสำนึกให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการเกษตรของสมาชิกเกษตรกรและให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถประยุกต์ใช้แนวทางทฤษฎีใหม่ เพื่อจัดการทรัพยากรระดับนาและทำเกษตรกรรมโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อีกทั้งกำหนดแนวทางพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่อื่น ๆ ได้ ขณะเดียวกันยังช่วยพัฒนาสหกรณ์ให้เป็นต้นแบบของการนำศาสตร์พระราชามาใชในสหกรณ์เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรต่อไป
“ปัญหาการรุกล้ำพื้นที่ป่าจากการเพิ่มขึ้นของประชากร ปัญหาหมอกควัน ไฟไหม้ป่า การชะทลายหน้าดิน ส่งผลให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรฯ ได้ตระหนักถึงปัญหาสำคัญดังกล่าว จึงได้ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน บูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาโดยการใช้แนวทางทฤษฎีใหม่ประยุกต์ วิเคราะห์ออกแบบโมเดลที่เหมาะสมกับพื้นที่ของเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ในอำเภอแม่แจ่ม เป็นโมเดลนำร่องในการจัดการดินและน้ำ สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับจากการดำเนินโครงการนี้ จะช่วยให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ ต้นน้ำ ธรรมชาติของชุมชน และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้อยู่ยืนยาว อีกทั้งยังทำให้เกิดการเรียนรู้และทำงานร่วมกันแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวงเกษตรฯ หน่วยงานเอกชน และชุมชนท้องถิ่น และที่สำคัญยังทำให้เกิดการขยายผลนำศาสตร์พระราชาไปประยุกต์ใช้ในแผนงาน โครงการทั้งในภาครัฐ และชุมชนอีกด้วย” นายวิวัฒน์ กล่าว
ด้าน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในโครงการว่า ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษเรื่อง “ศาสตร์พระราชา” กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาการเกษตรในพื้นที่ “การขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาโดยสหกรณ์และกลุ่มสหกรณ์” (บนรถไฟ เดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง – สถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่) กิจกรรมเอามื้อสามัคคี “จัดการพื้นที่เกษตรกรรม” การสร้างเครือข่ายคนรุ่นใหม่ไทยนิยมยั่งยืน การนำเสนอการวางแผน ขับเคลื่อนและขยายผลศาสตร์พระราชาและสรุปผลโครงการ ทั้งนี้ ลักษณะการดำเนินกิจกรรมในโครงการจะมีทั้งการประชุมเชิงปฏิบัติการ และฝึกปฏิบัติในพื้นที่จริงให้เห็นผลเชิงประจักษ์ โดยสำรวจและคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งผู้แทนเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกร ที่มีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติให้ผู้ที่ต้องการเรียนรู้การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ พร้อมลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ของตนเอง และสามารถถ่ายทอดความรู้ไปสู่สมาชิกสหกรณ์อื่นๆได้ โดยคัดเลือกผู้แทนสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในอำเภอแม่แจ่ม แบ่งตามตำบล ๆ ละ 8-9 คน รวม 60 คน และประชาชนในพื้นที่ 80 คน
[adrotate banner=”3″]
ทั้งนี้ ได้มีการคัดเลือกพื้นที่นำร่องเพื่อเป็นจุดสาธิตการใช้แนวทางทฤษฎีใหม่ ก่อนวิเคราะห์ปัญหาการทำเกษตรกรรมในพื้นที่และระดมสมองเพื่อนำศาสตร์พระราชาไปประยุกต์ใช้กับกลุ่มผู้แทนสหกรณ์ การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ การฝึกปฏิบัติการจัดการพื้นที่เกษตรกรรมตามแนวทางทฤษฎีใหม่ จากนั้นจึงถ่ายทอดความรู้ ทั้งภาคทฤษฎี และฝึกปฏิบัติรวมไปถึงการสร้างและพัฒนาพื้นที่ต้นแบบประยุกต์ใช้ทฤษฎีใหม่ในระบบสหกรณ์ของพื้นที่ลุ่มน้ำปิง เช่นเดียวกับการถอดบทเรียน และทำแผนงานโครงการ เพื่อพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ จากนั้นจึงติดตามและประเมินผลต่อไป