2 ทูตหารือ“กฤษฎา”เน้นขยายความร่วมมือด้านเกษตร

  •  
  •  
  •  
  •  

         “ไฆเม บีร์กิลิโอ นัวลาร์ต ซานเชซ” เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทยเข้าพบ”กฤษฎา บุญราช”

กระทรวงเกษตรฯ ยังเปิดบ้านต้อนรับทูตแต่ละประเทศ ล่าสุดต้อนรับทูตโรมาเนีย และเม็ดซิโก หารือความร่วมมือด้านวิชาการและขยายตลาดนำเข้า-ส่งออหสินค้าเกษตรให้เพิ่มมากขึ้น

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังที่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโรมาเนีย และสหรัฐเม็กซิโก เข้าพบ ว่า การต้อนรับเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐโรมาเนีย และสหรัฐเม็กซิโกในครั้งนี้ ได้มีการหารือความร่วมมือทางวิชาการด้านการเกษตร และการขยายมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกันที่สำคัญหลายประการ ประกอบด้วย

1) ไทยและโรมาเนียได้มีการผลักดันให้มีการจัดประชุมคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร (Joint Working Group : JWG) ครั้งที่ 4 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะเกิดประโยชน์กับทั้งไทยและโรมาเนีย โดยทั้งสองฝ่ายมีโครงการความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน ทั้งในด้านปศุสัตว์ พืช และประมง อาทิ โรมาเนียต้องการให้ไทยถ่ายทอดความรู้เรื่องข้าว โดยเฉพาะการคัดสายพันธุ์ข้าวใช้น้ำน้อย และเรียนรู้ระบบสหกรณ์การเกษตรเพื่อการรวมกลุ่มเกษตรกรในแต่ละสาขา ส่วนไทยมีความสนใจด้านประมงในการแลกเปลี่ยนไข่ปลาสเตอร์เจียนกับปลานิล และกิ่งพันธุ์องุ่น เป็นต้น

[adrotate banner=”3″]

2) ไทยและสหรัฐเม็กซิโก ได้ร่วมหารือกันเกี่ยวกับการนำเข้า – ส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างกัน ซึ่งมีความล่าช้าด้านการดำเนินงาน โดยกระทรวงเกษตรฯ ได้เสนอให้มีการหารือนอกรอบร่วมกันในระดับคณะทำงานฯ ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานทูตเม็กซิโก และหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรฯ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จัดเตรียมข้อมูล และวางกรอบการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมชัดเจน

เพื่อให้การเปิดตลาดนำเข้า – ส่งออกสินค้าเกษตรระหว่าง 2 ประเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ระหว่างไทย – เม็กซิโก ซึ่งจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านการเกษตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการประมง และเสริมสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ และเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตทางการเกษตรและการประมง และส่งเสริมการพัฒนาด้านการเกษตรของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ประเทศไทย ได้ขอให้เอกอัครราชทูตทั้ง 2 ประเทศ สนับสนุนและเพิ่มมูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย ได้แก่ ยางพาราธรรมชาติ เมล็ดพันธุ์พืช ฯลฯ ด้วย