4 จังหวัดอีสานใต้เอาจริง จับมือขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์

  •  
  •  
  •  
  •  

เริ่มแล้ว 4 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 2 จับมือลงนาม เอ็มโอยู ในงาน “เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร 2561” ภายใต้โครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์วิถียโสธร ฉบับที่ 2  ขับเลื่อนขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ตั้เป้าให้ได้ไม่น้อยกว่า  2.8 แสนไร่ ในปี 2564

         ดร.วิวัฒน์  ศัลยกำธร  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมพิธีเปิดงาน “ยโสธรออร์แกนิกแฟร์ 2018” เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร 2561 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 มี.ค. 2561 โดยมี นายสุธี มากบุญ  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  เป็นประธาน พร้อมทั้งร่วมเสวนาพิเศษในหัวข้อ “การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์”  โดยมี นายสุธี  มากบุญ  และนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทยร่วมเสวนาด้วย  ก่อนร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 2 ระหว่าง นายนิกร สุกใส ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ และนายเมธี สุพรรณฝ่าย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ณ สวนสาธารณะบุ่งน้อย-บุ่งใหญ่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร   

          ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า จ.ยโสธร มีการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์มาอย่างต่อเนื่อง และได้กำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา จ.ยโสธรมาโดยตลอด ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดแนวทางการทำงานอย่างจริงจังร่วมกัน ระหว่างชาวยโสธรกับทุกภาคส่วน สำหรับตัวเลขการปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ พบว่าทั้งพื้นที่การปลูก ผลผลิตเฉลี่ย/ไร่ และรายได้จากการจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น ในปี 2558 จากข้อมูลของสำนักงานสถิติจังหวัด พบว่า มีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 40,000 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 396 กก./ไร่ สร้างรายได้จากการจำหน่าย 276,952,500 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกเพียง 19,251 ไร่ ผลผลิต/ไร่ 386 กก./ไร่ และสร้างรายได้เพียง 118,880,000 บาท และในปี 2559 จ.ยโสธรได้ถูกยกให้เป็นจังหวัดต้นแบบด้านเกษตรอินทรีย์ของประเทศ จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์วิถียโสธร เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2559 วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและสร้างให้ จ.ยโสธร เป็นจังหวัดต้นแบบเกษตรอินทรีย์ของประเทศ ครอบคลุม ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์เดิม และขยายพื้นที่ผลิตเกษตรอินทรีย์อีก 60,000 ไร่ ให้เป็น 100,000 ไร่ ภายในปี 2561

         “เกษตรอินทรีย์เป็นงานหลักที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เร่งทำให้เกิดเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย ซึ่งต้องอาศัยกลไกความร่วมมือและการบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะการบูรณาการในระดับจังหวัด โดยนำเอาโมเดลที่ประสบความสำเร็จแล้วอย่างยโสธรโมเดลมาขยาย ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากร่วมมือกันทำให้เป็นเสมือนกรมเดียวกันทั้งจังหวัด ก็สามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ชาติได้ สำหรับงบประมาณในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีทั้งงบปกติและงบรายพื้นที่ รวมทั้งงบเฉพาะกิจที่จะนำออกมาดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ โดยจะมาสร้างความพอเพียงให้ประชาชน และพัฒนาให้ความยากจนนั้นหายไป ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ซึ่ง 4 จังหวัดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น” รมช.เกษตรฯ กล่าว

          ทั้งนี้ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นของการร่วมมือในการดำเนินการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่ครอบคลุมทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง เพื่อให้เป็นต้นแบบการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ของประเทศได้อย่างยั่งยืน จึงได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 2 ขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ให้เป็นเป็นที่รู้จัก และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้งขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ของกลุ่มจังหวัดให้มากขึ้น เป้าหมายเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ไม่น้อยกว่า 8.2 แสนไร่ ในปี 2564 ตลอดจนมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์วิถียโสธร ฉบับที่ 2 ระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร กับผู้แทนกลุ่มเกษตรกรเกษตรอินทรีย์จังหวัดยโสธร เป้าหมายเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ของจังหวัดยโสธรเป็น 2.5 แสนไร่ ในปี 2564

          ด้านนายสุธี เปิดเผยว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน มีความมุ่งมั่นจะส่งเสริมและร่วมพัฒนาอาชีพของประชาชนให้มีความเป็นดีอยู่ดี โดยเฉพาะเกษตรกรซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศไทย รวมทั้งใน จ.ยโสธร ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ทำการเกษตรเป็นอาชีพหลัก อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีกิจกรรมโครงการเพื่อการพัฒนาสินค้าอินทรีย์ของไทยออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ มีการจัดงานแสดงสินค้าอินทรีย์ หรือ ออร์แกนิกไทยแลนด์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับในปีนี้ จ.ยโสธร ได้กำหนดให้มีการจัดงาน “ยโสธรออร์แกนิกแฟร์ 2018” เกษตรอินทรีย์วิถียโสธรขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการทำเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด และเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกร ผู้ทำเกษตรอินทรีย์ในจังหวัด กลุ่มจังหวัด และจังหวัดอื่น ๆ ได้ร่วมนำเอาสินค้าเกษตรอินทรีย์มาแสดงและจำหน่ายอีกด้วย

[adrotate banner=”3″]

           ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร  กล่าวอีกว่า นโยบายของจังหวัดยโสธร ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเกษตรอินทรีย์มาโดยตลอด ตั้งแต่แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดยโสธร ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน เกษตรกรมีการทำเกษตรอินทรีย์มาอย่างยาวนาน มีการรวมกลุ่มอย่างเหนียวแน่น มีการพัฒนากระบวนการผลิตในวิถีเกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ผลผลิตได้รับการรับรองมาตรฐาน นอกจากนี้ภายใต้วิสัยทัศน์ของจังหวัด ประกอบกับบันทึกข้อตกลงความร่วมโครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์วิถียโสธร ในปี 2559 ได้มีการขับเคลื่อนเพื่อขยายพื้นที่ตามยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร ปี 2559-2561 จนสามารถเพิ่มพื้นที่เข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด เป็น 134,000 ไร่ ในปี 2560

          สำหรับการจัดงาน “เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร 2561” เป็นการดำเนินการยุทธศาสตร์ที่ 4 เพิ่มตลาด และช่องทางการจำหน่ายในและต่างประเทศ ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพและกลยุทธ์ทางการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ ให้กับผู้บริโภค เพิ่มช่องทางการตลาดให้อย่างแพร่หลายและเป็นการแสดงศักยภาพและพัฒนาการความก้าวหน้าเกษตรอินทรีย์วิถียโสธรให้เป็นที่รับรู้ โดยในงานจะมีกิจกรรมประกอบด้วย 1. การนำเสนอผลการดำเนินงานขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์วิถียโสธร องค์ความรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ และการจัดนิทรรศการด้านเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด 2. การเสวนาทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ 3. การออกร้านแสดงและจำหน่ายผลผลิต และผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ของผู้ประกอบการในจังหวัดยโสธรและจังหวัดอื่น ๆ และ 4. การเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ผลิตกับผู้ประกอบการและเยี่ยมชมแหล่งเพาะปลูกเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดยโสธร