“ธรรมนัส” ลงนามแล้ว ประกาศกระทรวงเกษตรฯ “ขอรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. 2567” เผยจะทำให้ปนะเทศไทยเดินหน้าพัฒนาเทคนิคการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ ที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีศักยภาพสำหรับการปรับปรุงพันธุ์สิ่งมีชีวิต เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร อธิบดีกรมวิชาการเกษตรยืนยันไม่จัดว่าเป็นพืช GMOs และมีความปลอดภัยสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง “การขอรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. 2567” ซึ่งประกาศดังกล่าวจะเป็นการเดินหน้าสำหรับเทคนิคการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม (Genome Editing, GEd) ที่มีศักยภาพสำหรับการปรับปรุงพันธุ์สิ่งมีชีวิตเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร สามารถปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมได้อย่างปลอดภัย และจำหน่ายเชิงพาณิชย์อย่างเหมาะสม เพื่อรองรับการพัฒนาพันธุ์พืช สัตว์ประมง จากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม โดยประกาศดังกล่าวจะใช้บังคับเมื่อกำหนด 30 วันนับตั้งแต่วันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ทั้งนี้ประกาศดังกล่าวสอดรับกับแนวทางการขับเคลื่อนภาคการเกษตร IGNITE AGRICULTURE HUB จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางภาคเกษตร และอาหารของโลก
สำหรับเทคโนโลยี GEd เป็นเทคนิคในการปรับเปลี่ยน และแก้ไขรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตที่มีความจำเพาะและแม่นยำ หรือเพื่อแก้ไขให้ได้ยีนที่มีลักษณะตามต้องการ ซึ่งองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ให้การยอมรับ ที่สำคัญเทคโนโลยี GEd ไม่มียีนถ่ายฝากจากสิ่งมีชีวิตอื่น ไม่จัดว่าเป็นพืชดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GMOs และมีความปลอดภัยสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้มีหลายประเทศทั่วโลก ได้ลงทุนงานวิจัย และอนุมัติการใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยี GEd ได้แก่ แคนาดา อเมริกา บราซิล อาร์เจนตินา ชิลีญี่ปุ่น จีน อังกฤษ ฟิลิปปินส์ เคนยา รัสเซีย ออสเตรเลีย สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นการปรับปรุงพันธุ์พืช การเตรียมความพร้อมในการเป็น Seed hub ซึ่งเทคโนโลยี GEd จะช่วยยกระดับรายได้ 3 เท่าของ 4 ปี ของเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง
หลังจากประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีประกาศการขอรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม กรณีพืช ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรมวิชาการเกษตร ประกาศกำหนด กรณีสัตว์น้ำ ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรมประมงประกาศกำหนด กรณี สัตว์ ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรมปศุสัตว์ประกาศกำหนด กรณีจุลินทรีย์ ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไข ที่กรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ประกาศกำหนด โดยจะมีการออกประกาศหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขของกรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อรองรับประกาศฯ ดังกล่าว
นายรพีภัทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพืช ที่กรมวิชาการเกษตรดูแลนั้น กรมวิชาการเกษตรจะ ดำเนินการสร้างการรับรู้ให้กับทุกภาคส่วน ได้รับทราบ อาทิ เกษตรกร ประชาชน ใช้สื่อโซเซียลมีเดีย เป็นช่องทางหลัก เน้นความบันเทิงสอดแทรกสาระ สร้างไวรัลในโลกออนไลน์ ผู้ดูแลนโยบาย นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ภาพรวมของเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการควบคุมกำกับดูแล นักวิชาการ นักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัย สัมมนาวิชาการ รับฟังความคิดเห็นแลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างมติทางวิชาการเพื่อกำหนดคำนิยาม สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ และการสื่อสารวิทยาศาสตร์ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการสร้างการรับรู้มาในช่วงเวลาหนึ่งแล้ว
ส่วนในด้านงานวิจัย กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการสร้างเครือข่ายด้านการวิจัยการปรับแต่งจีโนมร่วมกันระดับประเทศ สร้างโมเดลพืชเริ่มต้น: พืช GEd ทดแทนการนำเข้า เช่นข้าวโพด ถั่วเหลือง, พืช GEd พลังงาน อาทิอ้อย ปาล์มน้ำมัน พืช GEd ผัก สมุนไพร ในระดับนานาชาติได้เตรียมความพร้อมในการสร้างความร่วมมือและเครือข่ายกับต่างประเทศ ในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี GEd เพื่อพัฒนาสายพันธุ์พืช GEd และการพัฒนาบุคคลกรวิจัยกับสถาบันในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น เป็นต้น
“การขับเคลื่อนเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนมอย่างเป็นรูปธรรมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นการยกระดับศักยภาพ และสร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตรของประเทศ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาสิ่งมีชีวิตที่ได้จากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนมสู่การใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับภาวะโลกเดือดที่กำลังเกิดขึ้น และยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเกษตรและอาหารของโลก” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว