กรมวิชาการเกษตรพร้อมแล้ว!! เตรียมเสนอ “การขอรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. 2567” ต่อ รมว.เกษตรฯ ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้

  •  
  •  
  •  
  •  
กรมวิชาการเกษตรพร้อมแล้ว!! เตรียมเสนอ “การขอรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. 2567” ต่อ รมว.เกษตรฯ ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้ หวังสู่การใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ คาดสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ทันต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568

          นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการความปลอดภัยทางชีวภาพด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดประชุมคณะกรรมการความปลอดภัยทางชีวภาพด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครั้งที่ 1/2567 ขึ้น เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนงานด้านเทคโนโลยีชีวภาพภายใต้ภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายกำหนดแนวทางการพัฒนาสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพ ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม สู่การใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ

           การประชุมในครั้งนี้เพื่อจัดทำร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง “การขอรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. 2567” เพื่อรับรองการพัฒนาพันธุ์พืช สัตว์ ประมง จากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม คาดว่าจะเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ภายในเดือนกรกฎาคม  2567 และสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ทันต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568

ด้านนายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดรับกับร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง “การขอรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร พ.ศ. 2567” กรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ จะดำเนินการจัดทำประกาศของแต่ละหน่วยงาน ในการกำหนด หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการขอหนังสือรับรองสิ่งมีชีวิตที่ได้จากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม กรณีพืช ให้ยื่นคำขอต่อกรมวิชาการเกษตร

         ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้เป็นไปตามที่กฎหมายที่กรมวิชาการเกษตรกำหนด  ซึ่งปัจจุบันเทคนิคการปรับปรุงพันธุ์ใหม่ มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม (Genome Editing, GEd) เป็นเทคโนโลยีที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้ให้การยอมรับว่า ไม่ใช่การพัฒนาโดยการตัดแต่งพันธุกรรม หรือ GMOs เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้พืชมีลักษณะดีตรงตามความต้องการอย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับการปรับปรุงพันธุ์พืชแบบดั้งเดิม จัดเป็นนวัตกรรมการเกษตร ที่สามารถเพิ่มปริมาณผลผลิต หรือรองรับการแก้ปัญหาด้านการเกษตร อาทิ ภัยแล้ง น้ำท่วม หรือการระบาดของโรคและศัตรูพืช

ทั้งนี้ในส่วนของกรมวิชาการเกษตร ได้มีการจัดประชุมร่วมกับ FAO ว่าด้วยเรื่อง สนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร (International Treaty on Plant Genetic Resources for Food and Agriculture: ITPGRFA) ซึ่ง ITPGRFA จะอนุญาตให้เข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมพืช เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เพื่อปรับปรุงพันธุ์ และเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรพันธุกรรมพืช

         อย่างไรก็ตาม ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมในสนธิสัญญานี้จะเกิดประโยชน์ในการปรับปรุงพันธุ์พืช  และการวิจัยพัฒนาพันธุ์พืช ทำให้นักขยายพันธุ์พืชและเกษตรกรมีโอกาสใช้พันธุ์พืชที่พัฒนามาจากเชื้อพันธุกรรมพืชที่มีความหลากหลาย และเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม สามารถเข้าถึงพันธุกรรมพืชของต่างชาติได้สะดวก จะเป็นการส่งเสริมการปรับปรุงพันธุ์ และเพิ่มโอกาสในการสร้างพืชพันธุ์ดีและหลากหลายสำหรับเกษตรกร  

        สอดรับการพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ด้วยเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม ซึ่งกรมวิชาการเกษตรจะเร่งดำเนินการออกประกาศ กรมวิชาการเกษตร เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับหนังสือรับรองพืช สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และจุลินทรีย์ทางการเกษตรที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม พ.ศ. 2567  ให้สอดรับกับประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เป็นแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการขับเคลื่อนเทคโนโลยี GEd ของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ