สทนช. เกาะติดสถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้ าพระยาใหญ่พร้อมรับฝนตอนบน ควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ ที่กำหนด พร้อมเตรียมแผนผันน้ำเข้าพื้นที่ หน่วงน้ำและยกระดับน้ำในเขื่ อนเจ้าพระยาเพื่อชะลอการระบายน้ำ แจ้งเตือน 11 จว. ด้านท้ายเตรียมพร้อมรับมือ เผยปัจจุบันเขื่อนอุบลรัตน์มีน้ำ ไหลเข้าอ่างฯ เกินเกณฑ์เฉลี่ย ต้องปรับแผนการระบายให้ เหมาะสมโดยไม่กระทบน้ำในลำน้ำ
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ (สทนช.) นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่ งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ (สทนช.)กล่าวภายหลังการประชุมติ ดตามและประเมินสถานการณ์น้ำ ประจำสัปดาห์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิกาสทนช. เป็นประธาน ณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ว่า ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 29 ก.ค. 67 คาดว่าจะมีฝนตกในฝั่งตะวั นตกของภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกของประเทศ
โดยจะตกซ้ำในพื้นที่เดิมเป็ นระยะเวลาประมาณ 3 – 4 วัน จึงต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ ยงและพื้นที่ลุ่มต่ำอย่างใกล้ชิ ด โดยเฉพาะ จ.จันทุบรี และ จ.ตราด ที่ยังอยู่ระหว่างการเร่ งระบายน้ำจากฝนตกหนักในช่วงที่ ผ่านมา และหลังจากวันที่ 30 ก.ค. 67 จะเริ่มกลับมามีฝนตกในภาคเหนื อตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนื อตอนบน โดยเฉพาะบริเวณ จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์ และจะมีฝนตกซ้ำไปจนถึงวันที่ 2 ส.ค. 67 โดยจากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้ นที่ตอนบนของประเทศ
ขณะนี้จึงได้มีการติดตามประเมิ นและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในลุ่ มน้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิดใน 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 สถานี Y.4 อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย จุดที่ 2 สถานี C.2 จ.นครสวรรค์ จุดที่ 3 สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท และจุดที่ 4 สถานี C.29A อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยขณะนี้ปริมาณน้ำยังอยู่ ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ในทุกจุด
อย่างไรก็ตาม หากมีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม ได้มีแผนในการผันน้ำเข้าพื้นที่ หน่วงน้ำ แหล่งน้ำ และทุ่งลุ่มต่ำต่าง ๆ เช่น บึงบอระเพ็ด ทุ่งบางระกำ ฯลฯ รวมถึงมีการผันน้ำเข้าฝั่งตะวั นตกและฝั่งตะวันออกของเขื่อนเจ้ าพระยาผ่านคลองต่าง ๆ เช่น แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย คลองชัยนาท-ป่าสัก คลองมหาราช เป็นต้น นอกจากนี้ เขื่อนเจ้าพระยาได้มีการยกระดั บน้ำเพื่อชะลอการระบายน้ำ เพื่อเพิ่มระยะเวลาในการแจ้งเตื อน 11 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ให้เตรียมความพร้อมรับมื อสถานการณ์น้ำจากการระบายน้ำ ในอัตรา 700 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที
คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อพื้ นที่ในเขตคลองโผงเผง จ.อ่างทอง และคลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะมีน้ำเอ่อล้นในระดับใต้ถุ นของบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ อาศัยริมฝั่งแม่น้ำทั้งสองสาย แต่จะไม่ท่วมสูงจนก่อให้เกิ ดความเสียหายต่อข้าวของหรือทรั พย์สิน สทนช. ได้บูรณาหน่วยงานในพื้นที่ จังหวัดต่าง ๆ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ตอนล่าง ให้ติดตามประเมินสถานการณ์อย่ างต่อเนื่อง
สำหรับการประเมินปริมาณน้ำในอ่ างเก็บน้ำทั่วประเทศ ปัจจุบันอ่างฯ ขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำไหลเข้ าเป็นจำนวนมาก คือ เขื่อนอุบลรัตน์ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีน้ำไหลเข้ าสะสมมากถึง 300 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้ระดับน้ำในอ่างฯ เพิ่มขึ้นถึงเกณฑ์เก็บกักน้ำสู งสุด โดยในวันนี้เลขาธิการ สทนช. ได้มอบหมายให้ กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิ ตแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สทนช. พิจารณาปรับเกณฑ์การระบายน้ำ โดยจะต้องไม่ให้กระทบกับปริ มาณน้ำในลำน้ำ รวมถึงจะต้องบริหารจัดการเขื่ อนทดน้ำในลำน้ำชีในการเร่ งระบายน้ำเพื่อป้องกันปั ญหาการระบายน้ำไม่ทัน
พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้ องมีการเตรียมพร่องปริมาณน้ำ ในอ่างฯ ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม รวมถึงอ่างฯ ขนาดกลางซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำ เกินความจุ จำนวน 29 แห่ง และอ่างฯ ขนาดเล็ก โดยในส่วนของอ่างฯ ขนาดเล็กที่มีการถ่ายโอนให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดู แลรับผิดชอบ ต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการบริ หารจัดการน้ำเพื่อปรั บการระบายน้ำให้สอดคล้องกั บสถานการณ์ เพื่อเป็นการเตรียมพื้นที่ว่ างของอ่างฯ ให้เพียงพอที่จะรองรับปริ มาณฝนซึ่งคาดว่าจะตกหนักในช่ วงเดือน ส.ค. – ก.ย. นี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไล่ลงมาถึงบริ เวณตอนกลางของประเทศ