
กอนช. เตรียมระดมความเห็นหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องปรับแผนจัดสรรน้ำ เพื่ อให้มีน้ำต้นทุนในช่วงต้นฤดูแล้ งหน้ามากที่สุด หลังจากพบว่ามีการเพาะปลูกเกิ นแผนในหลายพื้นที่ตามลุ่มเจ้าพระยา ขณะที่ 33 จังหวัด ป นอกเขตการประปาส่วนภูมิภาค ช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 เสี่ ยงต่อการขาดแคลนน้ำอุปโภค
วันที่ 24 มกราคม 2567 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ (สทนช.) กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมติ ดตามและประเมินสถานการณ์น้ำ ประจำสัปดาห์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงฤดูแล้ง ปริมาณฝนยังไม่มากนัก คาดการณ์ว่า ในช่วงสัปดาห์นี้มีแนวโน้มที่ จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ บางส่วนของภาคเหนือและบริ เวณภาคใต้ แต่จะไม่ใช่ปริมาณฝนที่มากนัก ซึ่งจะส่งผลดีในการช่วยเพิ่ มความชุ่มชื้นในพื้นที่และเพิ่ มปริมาณน้ำต้นทุนในแหล่งน้ำที่ มีน้ำน้อยได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งสามารถช่วยลดปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือได้
ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค นอกเขตการประปาส่วนภูมิภาค ช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 พบว่า มีพื้นที่เสี่ยง 33 จังหวัด 167 อำเภอ 415 ตำบล ซึ่ง สทนช. ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่ วนในการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่ องเพื่อเตรียมพร้อมรับมื อสถานการณ์และแก้ไขปัญหาในเชิ งป้องกัน โดยที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ ในหลายจังหวัดและติดตามผลอย่ างต่อเนื่อง พร้อมได้เสนอแผนแก้ไขปัญหาและจะเร่ งดำเนินการต่อไป นอกจากนี้มีการติดตามสถานการณ์พื้นที่ เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่ อการเกษตรนอกเขตชลประทานอย่ างใกล้ชิดและประสานหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลื อพี่น้องเกษตรกรให้ได้รั บผลกระทบน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันมีการเพาะปลู กเกินกว่าแผนที่กำหนดในหลายพื้ นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้ าพระยา ซึ่งกระทบต่อการจัดสรรน้ำ จึงจะมีการหารือร่วมกันระหว่าง สทนช. กรมอุตุนิยมวิทยา สสน. กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ งประเทศไทย เพื่อปรับแผนการจัดสรรน้ำ โดยคำนึงถึงการรักษาปริมาณน้ำ ให้ถึงเดือน พ.ย. 67 หรือต้นฤดูแล้งหน้าให้ได้มากที่ สุด ควบคู่ไปกับการดูแลประชาชนอย่ างเต็มที่ด้วย
สำหรับสถานการณ์น้ำเค็ มในแม่น้ำหลัก 4 สาย ได้แก่ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง ปัจจุบันประสบปัญหาลิ่มความเค็ มรุกล้ำเข้ามาในลำน้ำเพิ่มมากขึ้ น ส่งผลให้ระดับความเค็มในหลายจุ ดเพิ่มสูงขึ้น ส่วนสถานีสูบน้ำสำแล ระดับความเค็มยังอยู่ในเกณฑ์ มาตรฐานสำหรับการผลิตน้ำประปา แต่จะมีการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ อย่างใกล้ชิด และหากมีระดับความเค็มสูงขึ้น สทนช. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องในการระบายน้ำเพิ่มเติมเพื่ อผลักดันน้ำเค็ม ลดผลกระทบต่อประชาชนโดยเร็ว

ขณะที่สถานการณ์น้ำในแม่ น้ำโขงซึ่งที่ผ่านมามีระดับน้ำ ลดลง สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิ การคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ ไทย ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่ อง พร้อมทั้งประสานไปยังสำนั กงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่ น้ำโขง เพื่อประสานความร่วมมือกั บประเทศที่เกี่ยวข้องในการบริ หารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง เพื่อร่วมกันรักษาปริมาณน้ำไม่ ให้น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แต่ปัจจุบันระดับน้ำยังไม่อยู่ ในเกณฑ์ที่ส่งผลกระทบ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
“ตอนนี้ทางภาคใต้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายกลับเข้าสู่ ภาวะปกติแล้ว แม้คาดว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นในช่ วงนี้ แต่จะไม่ส่งผลกระทบเนื่องจากมี ปริมาณไม่มาก ซึ่งในช่วงสัปดาห์หน้า สทนช. จะลงพื้นที่ภาคใต้ ณ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้ าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ จ.ยะลา เพื่อถอดบทเรียนการดำเนินการแก้ ไขปัญหาอุทกภัยและดินโคลนถล่ม เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ ไขให้การเตรียมรับมือสถานการณ์ ในช่วงฤดูฝนถัดไปให้มีประสิทธิ ภาพมากยิ่งขึ้น” เลขาธิการ สทนช. กล่าว