งานนี้มีหนาว “ธรรมนัส” ไล่บี้อธิบดี 3 กรม งัดมาตรา 157 เข้มลงดาบเจ้าหน้าที่รัฐละเลยปล่อยให้สินค้าเกษตรเถื่อนลอยนวล

  •  
  •  
  •  
  •  

                                                                        ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

รมว.เกษตรฯ ขานรับลูกนายกฯ ลงนามหนังสือด่วนกำชับ 3 อธิบดี “กรมปศุสัตว์-ประมง–กรมวิชาการ” ให้เร่งล้างบางสินค้าเกษตรเถื่อนที่โดยเฉพาะเนื้อและสุกร ที่สร้างกระทบกลไกตลาด พร้อมให้งัดใช้มาตรา 157 เอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ หากพบละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยสินค้าเกษตรเถื่อนเข้าสู่ระบบตลาด

วันที่ 13 พฤศจิการยน 2566  ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามในหนังสือด่วนถึง 3 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมวิชาการเกษตร ให้เข้มงวดในการตรวจสอบ กักกัน และดำเนินคดีสินค้าเกษตรเถื่อนผิดกฎหมาย ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคัง มีความห่วงกังวลและเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินคดีและปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อนผิดกฎหมาย โดยเฉพาะหมูและเนื้อหมูเถื่อน โดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นหน่วยงานหลักในการจับกุมและดำเนินคดีสำหรับผู้ลักลอบนำเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายในการนำเข้าสินค้าเกษตรเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ได้เน้นย้ำและกำชับหน่วยงานปฏิบัติของทั้ง 3 กรมในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และด่านนำเข้าทุกด่าน เข้มงวดในการตรวจสอบ กักกัน และดำเนินคดี และหากพบว่ามีการจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ใดจากหน่วยงาน DSI กระทรวงเกษตรฯ จะถือว่าด่านหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นมีความผิดในฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยหากพบกระทำความผิดจะถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาด้วยเช่นกัน

“การปราบปรามสินค้าเกษตรที่นำเข้าไม่ถูกต้อง หรือผิดกฎหมาย ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนสำคัญที่ผมให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รับตำแหน่งและแถลงนโยบายการทำงาน โดยได้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจที่ทำงานร่วมกับ ตำรวจ ทหาร กรมศุลกากร และดีเอสไอ ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือกลุ่มบุคคลที่กระทำการผิดกฎหมายอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะหมูเถื่อนที่กรมปศุสัตว์ได้มีการปูพรมและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรรายย่อย และระบบกลไกตลาดอย่างมาก” รมว.เกษตรฯ กล่าว