กรมชลประทาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา หลังน้ำเหนือยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากฝนที่ตกชุกสะสมต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของภาค พร้อมเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอ่าวไทยให้เร็วที่สุด พร้อมแจ้งชาวนารีบเก็บเกี่ยวข้าวนาปีที่มีอายุครบแล้ว
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีฝนตกหนักพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนบริเวณจังหวัดลำปาง เเพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มยังคงเพิ่มสูงขึ้น
ดังนั้นกรมชลประทาน ได้พิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ยังคงเดินหน้าเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล เพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำจากทางตอนบนที่คาดว่า จะไหลลงมาอีกในระยะต่อไป ขณะเดียวกันได้เเจ้งให้เกษตรกรพื้นที่ลุ่มต่ำเพาะปลูกข้าวนาปีที่มีอายุข้าวครบกำหนด ให้เร่งดำเนินการเก็บเกี่ยวให้แล้วเสร็จตามแผน เป็นการลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายในช่วงฤดูน้ำหลาก
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน (31 ส.ค. 65) เวลา 06.00 น. ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,846 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที (วานนี้ 1,762 ลบ.ม./วินาที) ต่ำกว่าตลิ่ง 3.65 เมตร แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ก่อนปริมาณน้ำนี้จะไหลไปรวมกับน้ำที่มาจากเเเม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขา ลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน จะทยอยปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่เวลา 13.00 น. วันนี้ (31 ส.ค. 65) ไปจนถึงเกณฑ์ 1,800 ลบ.ม./วินาที เวลาประมาณ 11.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (1 ก.ย. 65) โดยจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ได้แก่ 📍คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา, ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) เพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันประมาณ 20 เซนติเมตร จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด