สถานการณ์น้ำในอ่างฯทั่วไทยเกินครึ่งแล้ว เว้น 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแค่ 41%

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมชลประทานสรุปสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนต่างๆทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 42,909 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 56 ของความจุอ่างฯรวมกัน ขณะที่ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยามีไม่ถึงครึ่ง ประกาศพร้อมเดินหน้าบริหารจัดการน้ำฤดูฝนและเก็บผักตบชวาอย่างต่อเนื่อง

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (9 มิ.ย.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 42,909 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 56 ของความจุอ่างฯรวมกัน ยังสามารถรับน้ำได้รวมกันอีกประมาณ 33,176 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 10,295 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรับน้ำได้รวมกันอีกประมาณ 14,576 ล้าน ลบ.ม. โดยในช่วงกลางเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าปริมาณฝนจะลดลง อาจส่งผลต่อพื้นที่การเกษตรบางแห่ง จึงเน้นย้ำให้บริหารจัดการน้ำอย่างประณีต การอุปโภคบริโภคต้องไม่ขาดแคลน ส่งเสริมการใช้น้ำฝนเป็นหลัก และบริหารจัดการน้ำท่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในหลายพื้นที่ ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง โดยให้พิจารณาปรับการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่ และปฏิบัติตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 ทั้ง 13 มาตรการ ตามที่รัฐบาลโดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆให้ได้มากที่สุด สำหรับสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า พร้อมบริหารจัดการน้ำควบคู่ไปกับแผนการป้องกันและบรรเทาภัยอันเกิดจากน้ำ หมั่นตรวจสอบอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ และเร่งดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำและวัชพืช เพื่อให้ไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักให้น้อยที่สุด เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น