กรมชลฯ พร้อมรับมือ “โกนเซิน” จับตาฝนตกหนัก 12-13 ก.ย. นี้ เจ้าพระยาระดับสูงขึ้น พิษณุโลกติดมิสเตอร์เตือนภัยแล้ว

  •  
  •  
  •  
  •  

สรุปสถานการณ์น้ำท่วม กรมชลฯ สั่งการชลประทานทั่วประเทศรับมือสถานการณ์น้ำ จากอิทธิพลพายุโซนร้อน “โกนเซิน” คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม ในช่วงวันที่ 12-13 กันยายน 2564  นี้  เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงพร้อมเผชิญเหตุเพื่อลด ผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ล่าสุดแม่เจ้าพระยาระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่อง  ประกาศเตือนผู้ที่อยู่พื้นที่ตอนล่างนอกคันกั้นน้ำรับมือน้ำล้นตลิ่งที่ลุ่มต่ำด้วย ขณะที่พิษณุโลก ใช้มิสเตอร์เตือนภัย คอยเฝ้าระวัง ดินไหล โคลนถล่ม 

     วันที่ 12 กันยายน 2564 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณือากาสในช่วงนี้ว่า อิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น อีกทั้งพายุโซนร้อนกำลังแรง “โกนเซิน” (CONSON) บริเวณทะเลจีนใต้ ที่คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง บริเวณตอนเหนือของเมืองดานัง ในช่วงวันที่ 12 – 13 กันยายน 2564  ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง นั้น 

ประพิศ จันทร์มา

     ทางกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้คาดการณ์ปริมาณฝนตก(ONE MAP) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่า ในช่วงวันที่ 12-16 กันยายน 2564 จะมีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำหลาก และดินถล่ม บริเวณภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา อำนาจเจริญ มุกดาหาร และอุบลราชธานี ภาคตะวันตก ที่จังหวัดกาญจนบุรี ภาคตะวันออก ที่จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ ที่จังหวัดระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต และกระบี่ 

    ส่วนมีอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่มอก จังหวัดลำปาง อ่างเก็บน้ำมูลบน อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง และอ่างเก็บน้ำลำแซะ จังหวัดนครราชสีมา อ่างเก็บน้ำขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง และอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา จังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งบริเวณลำน้ำสายหลัก เข้าท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำด้วย ทาง กรมชลประทาน ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง ให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำท่าอย่างใกล้ชิด พร้อมตรวจสอบอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ 

ระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น เตือนพื้นที่ตอนล่างรับมือน้ำล้นตลิ่ง

                                                    ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล

    ด้านดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคกลาง ส่งผลให้มีน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำสายหลักต่างๆ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ เพิ่มขึ้นในเกณฑ์ประมาณ 1,300 – 1,400 ลบ.ม./วิ มีการตัดยอดน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งรวม 400 ลบ.ม./วิ และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 800 – 1,200 ลบ.ม./วิ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ตลิ่งต่ำบริเวณริมแม่น้ำน้อย ตั้งแต่บริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1.50 เมตร ในช่วงวันที่ 13 – 16 กันยายน 2564

     ทั้งนี้ กรมชลประทานจะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว พร้อมกับบริหารจัดการน้ำเต็มศักยภาพของพื้นที่ โดยมิให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร หากมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,200 ลบ.ม./วิ จะแจ้งให้ทราบต่อไป

พิษณุโลก ใช้มิสเตอร์เตือนภัย คอยเฝ้าระวัง ดินไหล โคลนถล่ม

      นายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก เปิดเผยว่า จากปริมาณน้ำที่เพิ่มมากขึ้นใน จ.สุโขทัย และ ไนจังหวัดพิษณุโลก ทำให้กรมชลประทาน ใช้แผนบริหารจัดการน้ำ โดยผันน้ำแม่น้ำยมบางส่วนจากสุโขทัย เข้าสู่แม่น้ำยมสายเก่าลงพื้นที่หน่วงน้ำ ทุ่งบางระกำโมเดล และผันออกทางคลองผันน้ำยมน่าน ไปลงแม่น้ำน่าน ที่ ต.คอรุม อ. พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เพื่อพร่องน้ำในแม่น้ำยม

    ทั้งนี้ ในส่วนการระบายน้ำของเขื่อนหลัก ได้ปิดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ ลดการระบายเหลือวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเก็บกักน้ำ ลดผลกระทบท้ายเขื่อน  เพื่อให้แม่น้ำน่านสามารถรองรับน้ำจากแม่น้ำยม และแม่น้ำวังทอง ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ได้ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวัง เตรียมความพร้อมรับมือเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปยังที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสียหาย เนื่องจากมีแนวโน้มว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นและอาจเกิดน้ำล้นตลิ่ง ในช่วงวันที่ 12-15 ก.ย.64  โดยเฉพาะพื้นที่ อ.วังทอง และ อ.เนินมะปราง ส่วนอำเภอชาติตระการ นครไทย ได้ใช้มิสเตอร์เตือนภัย คอยเฝ้าระวัง ดินไหล โคลนถล่ม จากฝนตกสะสมอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง