เตรียมชง กนช. 3 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่ อีอีซี จุน้ำได้กว่า 176 ล้าน ลบ.ม.

  •  
  •  
  •  
  •  

คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ฯ เห็นชอบ 3 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่ อีอีซี 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา-จันทบุรี- ระยอง เก็บน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภค บริโภต ภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวได้กว่า 176 ล้าน ลบ.ม.เตรียมชงให้ กนช. พิจารณาในเดือนกันยายน 2564 นี้ 

     พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 4/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (VDO Conference) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 ว่าการประชุมในครั้งนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ รวมถึงพิจารณาโครงการที่หน่วยงานเสนอ ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ในต้นเดือนกันยายน 2564นี้ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการของ 3 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง จ.ฉะเชิงเทรา, โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี, และโครงการสูบผันน้ำจากคลองสะพานแนวที่ 2 จ.ระยอง

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

   ทั้งนี้แต่ละโครงการมีความพร้อมและตรงตามหลักเกณฑ์ของโครงการสำคัญ รวมทั้งเป็นโครงการที่อยู่ในเป้าหมายที่ช่วยขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำของประเทศในภาพรวมได้อย่างเป็นระบบ และตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดดำเนินการตามระเบียบเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้ตามแผนที่กำหนด

    อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นขอให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาให้เป็นไปในกรอบทิศทางเดียวกัน รวมทั้งให้เร่งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบความก้าวหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง โดยการเปิดรับฟังความคิดเห็นและสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนก่อนเริ่มดำเนินการก่อสร้างอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ จะต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรผู้ใช้น้ำ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการน้ำระดับพื้นที่ที่ครอบคลุมการใช้น้ำในทุกมิติ

     สำหรับโครงการอ่างเก็บน้ำคลองกะพง จ.ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันออกแบบและดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (ปี 66-71)  ความจุ  27.50 ล้าน ลบ.ม. เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับอุปโภคบริโภคและการเกษตร สามารถส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกได้ 35,000 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดสร้างรายได้เสริมให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนั้นยังสามารถจัดสรรน้ำสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ EEC ด้วย

     ส่วนโครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จ.จันทบุรี ความจุ 99.50 ล้าน ลบ.ม. ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (ปี 66–71) เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานรวมทั้งสิ้น 87,700 ไร่ และเป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนกว่า 4,116 ครัวเรือน รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำดิบสำรองสำหรับการอุปโภคและบริโภค การท่องเที่ยว เพื่อรองรับแผนยุทธศาสตร์ EEC เฉลี่ย 70 ล้าน ลบ.ม./ปี

    ขณะที่โครงการสูบผันน้ำจากคลองสะพานแนวที่ 2 จ.ระยอง ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี (ปี 66-68) สามารถสูบผันน้ำจากคลองสะพาน ซึ่งอยู่ด้านท้ายของอ่างเก็บน้ำประแสร์กลับมาเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างฯ ได้อีก 50 ล้าน ลบ.ม./ปี สำหรับการอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรม โดยให้กรมชลประทานคำนวณต้นทุนของน้ำที่สูบขึ้นไปที่อ่างฯ ประแสร์และจัดทำสมดุลน้ำเพื่อให้ทราบเงื่อนไขกรณีที่ไม่สามารถสูบน้ำได้ตามแผน เพื่อสร้างความมั่งคงทางด้านน้ำที่จะรองรับความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ EEC ได้อย่างยั่งยืน 

      ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการของเกณฑ์การปรับปรุงเป้าหมายการขับเคลื่อนโครงการสำคัญในปี 2565 – 2567 ทั้งนี้ ภาพรวมของโครงการสำคัญที่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 66 จำนวนทั้งสิ้น 526 โครงการ ปัจจุบันดำเนินการขับเคลื่อนไปแล้ว 128 โครงการ แต่เนื่องจากที่ผ่านมามีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำจำนวนมากที่มีรูปแบบการดำเนินงานที่ไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ขาดจุดมุ่งเน้นและประเด็นเป้าหมายที่เป็นภาพเดียวกัน

     ดังนั้น สทนช.จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการด้านแผนงานและงบประมาณให้สามารถขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้ตามเป้าหมาย โดยการจัดรูปแบบโครงการใหม่ด้วย “กลุ่มโครงการ” เป็นหมวดหมู่ 3 ลักษณะสอดคล้องกับการดำเนินการด้านงบประมาณ ได้แก่ 1.เชิงภารกิจของหน่วยงาน (Function) เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก

      2.เชิงนโยบาย (Agenda) ได้แก่ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ได้รับการยืนยันจาก กปร.แล้ว และโครงการตามนโยบายรัฐบาลที่ กนช.เห็นชอบแล้ว ,และ  3.เชิงพื้นที่ (Area) เป็นโครงการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำในพื้นที่เป้าหมาย (Area Based) และพื้นที่สำคัญที่รัฐบาลและ กนช. ได้เห็นชอบ รวมทั้งที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญต่างๆแล้ว  อาทิ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 151 โครงการ และโครงการจัดหาแหล่งน้ำรองรับพื้นที่รัศมี 30 กิโลเมตร รอบสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จาก 3 หน่วยงาน ได้แก่     กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สามารถรองรับน้ำได้เพิ่มขึ้น 12.1916 ล้าน ลบ.ม.เป็นต้น