กรมชลฯเร่งช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วม 4 จังหวัดพื้นที่เกษตรกระทบแล้ว 2,818 ไร่

  •  
  •  
  •  
  •  

                                                   ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล

สรุปล่าสุดมีพื้นที่น้ำท่วม 4 จังหวัด “พิษณุโลก-ตาก-เลย-ร้อยเอ็ด” เผยเมืองสองแควหนักสุดที่อ.นครไทย มีพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ชุมชนได้รับผลกระทบแล้ว 2,818 ไร่ ใน 8 ตำบล ทางกรมชลประทาน เร่งเข้าช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ขณะที่มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศมี 47 % ของความจุอ่างฯรวมกัน ยังสามารถรับน้ำได้อีก 40,363 ล้าน ลบ.ม.

      ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่มีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ของประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง

      ปัจจุบัน(29 ก.ค.64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 33,599 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือร้อยละ 47 ของความจุอ่างฯรวมกัน ยังสามารถรับน้ำได้อีก 40,363 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 7,879 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 32 ของความจุอ่างฯรวมกันสามารถรับน้ำได้อีก 16,992 ล้าน ลบ.ม.

      สำหรับสถานการณ์อุทกภัย ปัจจุบันมีพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย 4 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก ตาก เลย และร้อยเอ็ด โดยที่จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่น้ำท่วมมากที่ใน  2 อำเภอ คือ อ.ชาติตระการ และ อ.นครไทย มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งแม่น้ำ 2 สาย ได้แก่ แม่น้ำแควน้อย อ.นครไทย มีพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ชุมชนได้รับผลกระทบ 8 ตำบล จำนวน 2,818 ไร่ และแม่น้ำภาค อ.ชาติตระการ มีพื้นที่ถูกน้ำท่วม 8 ตำบล ปัจจุบันปริมาณน้ำในแม่น้ำเมย และแม่น้ำภาค ลดลงอย่างต่อเนื่อง

     ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณฝนในพื้นที่ลดลง คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ภายใน1-2 วันนี้ทั้งนี้โครงการชลประทานพิษณุโลก ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมทั้งแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบอย่างต่อเนื่องแล้ว

     อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ได้ให้โครงการชลประทานทุกแห่งเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม มีการตรวจสอบความมั่นคงของอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

     จึงขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำจากทางหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือสามารถร้องขอไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา