สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ปิดฉากให้ยื่นของบประมาณกองทุนอนุรักษ์ฯ 5,600 ล้านบาท วันสุดท้ายพบหน่วยงายสนใจ แห่ยื่นเสนอไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท “สนธิรัตน์” วางกฏเหล็กตั้ง 4 อนุกรรมการ ไว้พิจารณาโครงการ และติดตามประเมินผลให้ละเอียดยิบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุดเมื่อ ย้ำเงินที่นำไปใช้ต้องคุ้มค่า สามารถนำแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานรากให้ได้ ทั้งแก้ปัญหาภัยแล้ง การจ้างงาน และสร้างอาชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด ยืนยันการทำงานของกระทรวงพลังงาน จะไม่เปิดโอกาสให้มีการแทรกแซงอย่างแน่นอน
วันที่18 พฤษภาคม 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 18 พ.ค.63 ถือเป็นวันสุดท้ายในการเปิดให้หน่วยงานต่างๆ ยื่นเสนอโครงการของบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 2563 จำนวน 5,600 ล้านบาท แต่ขณะนี้มีการยื่นของบเข้ามาแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยผู้มีสิทธิ์ยื่นขอรับการสนับสนุนโครงการนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
ประเภทแรกหน่วยงานทั่วๆ ไป ได้แก่ หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร เช่น มูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับพลังงานโดยตรง ซึ่งหากหน่วยงานไหนขอจะให้หน่วยงานหรือคนอื่นทำแทนไม่ได้ เพราะมีเงื่อนไขหลักเกณฑ์กำหนดไว้ และอีกประเภทคือปีนี้จะมีอยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อยื่นขอรับการสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวกับพลังงานชุมชน หรือที่เรียกว่า “สถานีพลังงาน” เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังงานไปเชื่อมโยงด้านต่างๆ เช่น เชื่อมโยงด้านการเกษตร เชื่อมโยงต่อยอดด้านการตลาด เป็นต้น ซึ่งคณะกรรมการฯ นี้มีทั้งเกษตรจังหวัด ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คลังจังหวัด พลังงานจังหวัดร่วมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นรูปแบบโครงการที่ปีนี้เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อหวังใช้กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณากลั่นกรองคัดเลือกโครงการในปีนี้จะเป็นการปฏิรูปการพิจารณาอนุมัติโครงการเพิ่มเติมต่างจากที่ผ่านมาจะไม่เน้นการซื้อของ และจะให้ความสำคัญต่ำ แต่จะให้ความสำคัญกับโครงการที่สามารถพัฒนาต่อยอด เช่น ก่อให้เกิดการจ้างงาน การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนเป็นหลัก และที่สำคัญปีนี้กองทุนฯมีโครงสร้างบริหารงานผ่านคณะอนุกรรมการ 4 ส่วน ได้แก่
1.คณะอนุกรรมการกองทุนฯ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน จะดำเนินการในเรื่องของการวางยุทธศาสตร์ นโยบายและทิศทางของพลังงานไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการอนุมัติโครงการ 2.คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการฯ มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ทำหน้าที่กลั่นกรองและเสนอความเห็นเกี่ยวกับ งบประมาณรายจ่ายประจำปี/แผน/งาน/โครงการ ต่อคณะกรรมการกองทุนฯ เป็นประธาน
3.คณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผล มี ดร.พลายพล คุ้มทรัพย์ เป็นประธาน ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ จุดประสงค์เพื่อให้ทุกเม็ดเงินที่ได้รับการสนับสนุนไปมีการติดตามประเมินผลก่อนและหลังโครงการว่าเกิดผลลัพธ์อย่างไร ซึ่งถือเป็นเรื่องที่กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญ และ 4.คณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานบริหารกองทุนฯ มี ศ.สกล วรัญญวัฒนา เป็นประธาน เพื่อปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานกองทุนฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กระบวนการยื่นโครงการก็ผ่านรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น และคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ จะวางรายละเอียดหลักเกณฑ์โครงการ และหากมีโครงการเข้าหลักเกณฑ์แล้วยังต้องนำเสนอต่อไปยังคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานอีกเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดจะให้ความสำคัญกับกระบวนการที่ไม่ให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ เน้นวางโครงสร้างหลักเกณฑ์การทำงานที่ให้เกิดความโปร่งใส ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ก็จะเป็นปีแรกที่โครงการต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจะถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานฯ เพื่อเปิดเผยให้สาธารณะตรวจสอบได้ ส่วนหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติโครงการไปแล้วในปีที่ผ่านมา แต่โครงการมีปัญหาได้รับการร้องเรียนก็จะไม่ได้รับการพิจารณาโครงการในปีนี้อย่างแน่นอน
“ขอยืนยันการทำงานของผมที่กระทรวงพลังงาน มีจุดยืนในการทำงานที่พร้อมจะเปิดเผย เพื่อสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ให้เกิดขึ้น ปีนี้จะเป็นปีแรกโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดจะนำเปิดเผยสู่สาธารณชนทางเว็บไซต์ เพื่อให้สารณารณชนสามารถตรวจสอบได้ว่า โครงการดังกล่าวตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ และจะมีการติดตามและประเมินผลโครงการหลังจากได้รับอนุมัติโครงการด้วย” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ในส่วนข้อกังวลประเด็นการเมืองที่จะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของกองทุนอนุรักษ์ฯ นั้น นายสนธิรัตน์ ย้ำว่า จะไม่เปิดโอกาสให้ใครใช้อำนาจเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ หากใครมีเบาะแสความไม่โปร่งใสก็ขอให้ร้องเรียนเข้ามาจะดำเนินการตรวจสอบทันที จึงขอให้ความมั่นใจได้ว่ากระบวนการพิจารณาอนุมัติโครงการของกองทุนอนุรักษ์ฯ มีความชัดเจนในตัว เป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ ผมไม่กังวลเลยว่าการพิจารณาอนุมัติงบกองทุนฯ จะส่งผลกระทบต่อเก้าอี้รัฐมนตรีของผมเอง เพราะว่าผมไม่มีอะไรที่ไม่โปร่งใส ถ้าผมไม่โปร่งใสถึงจะกังวล
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า โครงการนี้ตนต้องการใช้กลไกของกองทุนอนุรักษ์ฯ สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาภัยแล้ง ช่วยให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพสมดังเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ โดยเฉพาะเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เศรษฐกิจฐานรากคือ หัวใจสำคัญ ถ้าเป็นไปได้อยากเห็นเงินของกองทุนอนุรักษ์ฯ ถูกนำไปแก้ปัญหาของเศรษฐกิจฐานรากที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดอย่างหนัก