“สนธิรัตน์” นั่งหัวโต๊ะประชุม กบน.ไฟเขียวลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯลิตรละ 25-50 สตางค์ ก๊าซหุงต้ม กก.ละ ลด 3 บาท มีผลทันทีในวันที่ 24 มี.ค.63 นี้ เป็นเวลา 2-3 เดือน หวังแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19 ” ขณะที่ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ NGV ขอความร่วมมือเร่งด่วนไปยัง ปตท. ให้พิจารณาลดราคาลง กก. 3 บาทเช่นกัน แต่จะมีการหารือรายละเอียดในการประชุม กบง.ในวันที่ 25 มีนาคม 63 นี้ เผยตลอด 2 เดือน เฉพาะในส่วนของน้ำมัน สกนช. 2,854 ล้านบาทก๊าวหุงต้มอีก 2,715 ล้านบาท
วันที่ 23 มีนาคม 2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่องที่กระทรวงพลังงาน
นายสนธิรัตน์ กล่าวประธานการประชุมว่า ในที่ประชุม กบน. ได้มีพิจารณาในเรื่องราคาน้ำมัน และราคาก๊าซ LPG หรือหุงต้ม โดยที่ประชุมมีมติให้ปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันทุกชนิดลง 50 สตางค์ต่อลิตร แต่ในส่วนของเบนซิน E 85 หรือน้ำมันแก๊สโซออล์ 95 ปรับเพิ่มขึ่น 25 สตางค์ต่อลิตร ทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้น้ำมันเบนซิน E20 ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อทดแทนน้ำมัน E85
สำหรับน้ำมันดีเซล B10 ปรับลดราคาลง 50 สตางค์ต่อลิตร และปรับลด B 20 ลง 25 สตางค์ต่อลิตร ทำให่้ส่วนต่างระหว่างน้ำมัน B10 กับ B20 จะอยู่ที่ 25 สตางค์ต่อลิตร เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้น้ำมัน B10 ตามนโยบาย พลังงานเพื่อทุกคน ซึ่งการปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในครั้งนี้ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดหน้าปั๊ม ลดลงระหว่าง 25-50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E85 ที่จะเพิ่มขึ้น 25 สตางค์ต่อลิตร
นอกจากนี้ กบน.ยังมีมติเห็นชอบตามมติประชุมของ กบน. เมื่อวันที่ 19 มี.ค.63 ที่ผ่านมา ให้ปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันในส่วนของก๊าซแอลพีจี จาก 4.9816 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 2.1779 บาทต่อกิโลกรัม หรือปรับลดลง จำนวน 2.8037 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกลดลง 3 บาทต่อกิโลกรัม จาก 21.87 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 18.87 บาทต่อกิโลกรม หรือเท่าราคาก๊าซหุงต้มถังละ 15 กิโลกรัมลดลง 45 บาทต่อ จาก 363 บาทต่อถัง เหลือถังละ 318 บาท
ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV) ได้ขอความร่วมมือเร่งด่วนไปยัง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้พิจารณาลดราคาลง 3 บาทต่อกิโลกรัมจากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับรถโดยสารสาธารณะเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งจะมีการหารือรายละเอียดในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)ในวันที่ 25 มีนาคม นี้
อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตรากองทุนน้ำมันทุกชนิด รวมถึงก๊าซหุงต้มในครั้งนี้ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.63 เบื้องต้นน้ำมันจะลดลงเป็นระยะเวลา 2 เดือน และสำหรับก๊าซหุงต้ม เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งเป็นการลดที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในต่างประเทศที่ราคาเชื้อเพลิงลดลงอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือประชาชน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และความยากลำบากของประชาชนในขณะรชนี้
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม กบน. ได้มีมติปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกปรับตามทันทีมีผลในวันที่ 24 มี.ค.63 นี้ ซึ่งไม่รวมกับกรณีที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีมีการเปลี่ยนแปลง ที่บริษัทผู้จำหน่ายมีการปรับราคาต่อเนื่องอยู่แล้ว
ขณะที่นายพีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ก่อนปรับลดอัตราเงินทองทุนมีเงินไหลเข้า 219 ล้านบาทต่อเดือน หลังการปรับมีเงินไหลออก 1,208 ล้านบาทต่อเดือน หรือกองทุนรับภาระจากการปรับอัตราเงินกองทุนฯ ครั้งนี้ 1,427 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นเงิน 2,854 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 2 เดือน
“เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ 36,569 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นประเภทน้ำมันฯ 42,038 ล้านบาท และประเภท LPG ติดลบ 5,469 ล้านบาท ณ วันที่ 22 มีนาคม 2563 ทำให้ก่อนปรับราคาสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของก๊าซ LPG มีเงินไหลเข้า 429 ล้านบาทต่อเดือน เป็นเงินไหลออก 476 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งกองทุนรับภาระ 905 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็นเงิน 2,715 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 3 เดือน” นายพีรพล กล่าว