กกพ.-การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย การันตีจ่ายเงินคืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 ประกาศให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศกว่า 23 ล้านราย ไปยื่นตรวจสอบสิทธิ์ และทำเรื่องขอเงินคืน ตั้งแต่ 25 มีนาคมนี้ แนะให้ยื่นทางออนไลน์สะดวกสุด บริการ 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุดราชการ ขณะที่ การไฟฟ้านครหลวงเวิร์คสุด เปิด 3 ช่องทางให้เลือก “ลงทะเบียนทางออนไลน์-คอลเซ็นเตอร์ หมายเลข 02-256-3333 –ลงทะเบียนเอง ณ ที่ทำการของการไฟฟ้านครหลวง 18 เขต” คาดเม็ดเงินไหลสะพัดในภาคธุรกิจกว่า 3.3 หมื่นล้านบาทก่อนสิ้นปีนี้
วันที่ 19 มีนาคม 2563 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมกำกับกิจการพลังงาน ( กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศหลักเกณฑ์คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เรื่อง “การคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าหรือค่าปรพกันมิเตอร์ไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย และประเภทที่ 2 กิจการขนาดเล็ก พ.ศ. 2563” จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 มีนาคม 2563 ส่งผลให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ซึ่งได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพเรือ (กฟส.) จะต้องคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าดังกล่าวกว่า 23 ล้านรายทั่วประเทศ วงเงินกว่า 33,000 ล้านบาท โดยผู้ใช้ไฟฟ้าต้องแจ้งความประสงค์ขอรับคืน และให้ผู้บริการไฟฟ้าคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 ซึ่งต้องคืนให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่วางหลักประกันตามประเภทของขนาดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า และจะไม่มีการเรียกเก็บเงินหลักประกันการใช้ไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหม่อีกต่อไป ยกเว้นกรณีเปลี่ยนประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าจากประเภทที่ 1 และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 2 ไปเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น
คมกฤช ตันตระวาณิชย์
ทั้งนี้ กกพ. และการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ได้หารือและเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มเปิดให้มีการตรวจสอบสิทธิ์ และทยอยคืนเงินประกันฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ในช่องทางออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยคาดว่าผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับเงินคืนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการยื่นผ่านระบบแอพพลิเคชั่นเป็นระบบที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง
“กกพ. มีมติเห็นชอบและให้ออกประกาศหลักเกณฑ์ เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายนำไปใช้เป็นแนวทางคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อย และผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประกอบกิจการขนาดเล็กทุกราย ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง และได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเตรียมมาตรการในการรองรับ และอำนวยความสะดวกให้พี่ น้อง ประชาชนอย่างเต็มที่ เนื่องจากครอบคลุมประชาชนจำนวนมาก และเน้นให้เข้าถึงได้อย่างสะดวก ครอบคลุมทุกกลุ่ม พร้อมกับได้มีการพัฒนาช่องทางเพิ่มเติมรองรับผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก” นายคมกฤช กล่าว
ด้านนายประเทศ ศรีชมภู รองเลขาธิการสำนักงาน กกพ. กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเน้นการดำเนินการผ่านระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นผู้วางเงินประกัน ที่มีชื่อตรงกับบิลค่าไฟฟ้า สามารถตรวจสอบสิทธิ์และรับเงินผ่านระบบที่การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายจัดเตรียมไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
“มติ ครม.เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ที่ให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง ป้องกัน และลดความเสี่ยงการ ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด19 ให้ประชาชนเลี่ยงการเดินทางและเข้าไปในสถานที่ที่แออัด คับแคบ ดังนั้น เพื่อความสะดวกปลอดภัยในช่วงแรกนี้ ขอให้ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้บริการผ่านระบบออนไลน์เป็นหลัก จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง”นายประเทศ กล่าว
ขณะที่นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า สำหรับในช่องทางของ กฟภ. จะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อขอรับเงินประกันการใช้ไฟฟ้าคืน และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มให้ได้มากที่สุด ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบสิทธิ์และลงทะเบียนการขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าผ่านเว็บไซต์ https://dmsxupload.pea.co.th/cdp/ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดยกรอกชื่อ นามสกุล หมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้า หมายเลขบัตรประชาชน ให้ครบถ้วน และส่งเอกสารหลักฐานผ่านระบบและรอรับเงินตามช่องทางการคืนที่ระบุ ผ่าน Prompt Pay บัญชีเงินฝากธนาคาร บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือรับเงินสดที่สำนักงานการไฟฟ้าทั่วประเทศ ทั้งนี้ จะมี SMS ยืนยันผลการลงทะเบียน และแจ้งผลการคืนเงินให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทราบ โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเริ่มจ่ายเงินดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป โดย ทาง กฟภ. ยังได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่เพื่อตอบข้อซักถามและข้อสงสัยให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า เป็นจำนวน 90 คู่สาย ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1129
จาตุรงค์ สุริยาศศิน
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า หลักเกณฑ์ผู้ที่จะยื่นขอรับเงินประกันการใช้ไฟฟ้าจะต้องเป็นชื่อผู้ที่วางมัดไว้เท่านั้น ส่วนบ้านมือสองให้เจ้าของรายเดิมกับรายใหม่ไปเจรจากันเอง และกรณีชื่อเจ้าของมิเตอร์เสียชีวิตจะตกเป็นของทายาท โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นพ้องต้องกัน หรือตกเป็นของผู้จัดการมรดก
สำหรับผู้ที่จะยื่นขอค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้านั้น ทาง กฟน. จะอำนวยความสะดวก เปิดให้ตรวจสอบสิทธิ์เพื่อขอรับเงินประกันคืน ในช่องทางที่หลากหลายประกอบด้วย ช่องทางที่ 1 ลงทะเบียนทางออนไลน์ (เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ตลอด 24 ชั่วโมง) ดังนี้ คือแอปพลิเคชัน : MEA Smart Life,เว็ปไซต์ : www.mea.or.th ,Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA,Twitter : @mea_news, Line : @meathailand,สแกน QR Code ในใบแจ้งค่าไฟฟ้า (ใบแจ้งค่าไฟฟ้าที่จดเลขอ่านตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป) โดย ผู้ลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์จะได้รับเงินประกันการใช้ไฟฟ้าคืนตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
ช่องทางที่ 2 ลงทะเบียนทางโทรศัพท์ที่หมายเลข 02-256-3333 จำนวน 50 คู่สาย ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563–29 พฤษภาคม 2563 เวลา 08.00–15.30 น. ในวันทำการ และช่องทางที่ 3 ลงทะเบียน ณ ที่ทำการของการไฟฟ้านครหลวง 18 เขต อย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 จึงขอความร่วมมือเริ่มใช้ช่องทางนี้ได้ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่ง 3 ช่องไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ
ส่วนละเอียดในการยื่นนั้น ช่องทางที่ 1 บัญชีพร้อมเพย์ (Prompt Pay) เฉพาะที่ผูกกับหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของผู้วางหลักประกัน ,ช่องทางที่ 2 บัญชีธนาคารพาณิชย์ที่มีชื่อตรงกับผู้วางหลักประกันที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือธนาคารกสิกรไทย และช่องทางที่ 3 เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำนวนเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท