“ประเสริฐ” ส่งทุกหน่วยงานเกี่ยวข้อง เตรียมรับมือฤดูแล้ง ปี 67/68  ทั้งเหนือ-อีสาน-กลาง พร้อมกำชับเฝ้าระวังฝนภาคใต้

  •  
  •  
  •  
  •  

รองนายกฯ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม กนช. สั่งหน่วยงานวางแผนบริหารจัดการน้ำตามมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 67/68 อย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลประชาชนไม่ให้ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และให้เฝ้าระวังภาคใต้ที่ยังอยู่ในช่วงฤดูฝนอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้เร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

วันที่11 พฤศจิกายน 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 5/67 โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 67/68 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 68

ปัจจุบันในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้งแล้ว โดยมอบหมายให้กรมชลประทานและกรมส่งเสริมการเกษตร ประชาสัมพันธ์แผนการจัดสรรน้ำและแผนการเพาะปลูกพืชในเขตชลประทาน พร้อมควบคุมการใช้น้ำและพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้เป็นไปตามแผนอย่างเคร่งครัด สำหรับอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำมูลที่มีปริมาณน้ำน้อย ให้กรมชลประทานสนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้งนี้

พร้อมกันนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่คาดการณ์เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และหากพื้นที่ดังกล่าวมีแนวโน้มเสี่ยงขาดแคลนน้ำมากขึ้น ให้แจ้งไปยัง สทนช. เพื่อบูรณาการหน่วยงานเแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที รวมถึงให้หน่วยงานที่เสนอขอรับงบกลาง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพฯ ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 68 เร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมของโครงการ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันทีเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณโดยได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนบริหารจัดการน้ำตามมาตรการรองรับฤดูแล้งอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ แม้ว่าขณะนี้ปริมาณฝนในหลายพื้นที่ของประเทศไทยจะเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังคงมีประชาชนบางพื้นที่ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย จึงเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการฟื้นฟูให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมกันนี้ ให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด ซึ่งมีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม จึงให้เตรียมความพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ โดยได้เน้นย้ำเรื่องการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้าและเตรียมตัวได้ทันท่วงทีเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด โดยต้องมีการติดตามประเมินผลเพื่อปรับการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมสูงสุดด้วย นอกจากนี้ ต้องกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาว เพื่อวางแผนการพัฒนาโครงการที่สามารถรองรับการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยในทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ด้าน เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบให้เพิ่มเติมแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ 69 ผ่านระบบ Thai Water Plan เนื่องจากพบว่ามีแผนงานโครงการสำคัญที่มีเหตุผลความจำเป็นส่งผลให้ยังไม่ได้เสนอผ่านระบบภายในกำหนดเวลาเดิม โดยแผนงานโครงการต้องผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำ ตามลำดับ และให้ตัดรอบโครงการในวันที่ 11 พ.ย. 67 พร้อมทั้งเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ 69 เพื่อปรับช่วงเวลาการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนให้มีความสอดคล้องกันยิ่งขึ้น โดย สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายเพื่อขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาวต่อไป