โดย…นายสวีสอง
นานมากแล้วไม่เคยเห็น “นมควาย” บางคนเรียกว่า “นมแมว” ที่ภาคอีสานเรียกว่า “บักผีผ่วน” แถวๆภาคใต้บางจังหวัดเรียกว่า “นมวัว” สมัยเด็กๆเคยเอาผลสุกมารับประทาน รสชาติเปรี้ยวอมหวาน มาจิ้มกับเหลืออร่อยดี มีวิตามินสูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ประโยชน์ต่อร่างกาย และสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลากหลายชนิด อาทิ น้ำผลไม้ ไวน์ และผลไม้อบแห้ง โบราณใช้ผล “นมควาย”แก้โรคหืด เป็นยาถอนพิษ ถ้ามีอาการฝืนคัน ใช้ผล “นมควาย” าตำผสมน้ำทา แก้เป็นเม็ดผื่นคันตามตัวได้
ที่จริง “นมควาย” มีสรรพคุณทางสมุนไพมากมาย เช่น ราก ใช้เป็นยากระตุ้นการคลอดบุตรของสตรี เพิ่มการบีบตัวของมดลูก ช่วยเร่งการคลอดบุตร หากนำมาต้มกับน้ำจนเดือด ใช้ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 1-2 ครั้ง แก้โรคไตพิการได้ดี บำรุงน้ำนมของสตรี ช่วยแก้ผอมแห้ง ของผู้หญิงหลังการคลอดบุตร
ปัจจุบัน “นมควาย” เป็นพืชหายาก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Uvaria rufa Blume อยู่ในวงศ์กระดังงา หรือ ANNONACEAE เป็นไม้พุ่มรอเลื้อยไม่ผลัดใบ เลื้อยไปได้ไกลสุด 5 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านจำนวนมาก เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลอมสีเหลือง เนื้อไม้มีความเหนียวมาก ตามกิ่งอ่อนมีขนเป็นกระจุก สีน้ำตาลแดง เป็นรูปดาว
ใบ เป็นเดี่ยว ขึ้นเรียงสลับกัน รูปทรงยาวรี โคนใบมนเว้า บางใบเป็นรูปหัวใจ ปลายใบแหลมมีติ่ง มีก้านใบยาว 0.5-0.7 ซม.ใบกว้าง 3 – 6 ซม. ยาวราว 6 -14 ซม.ขอบใบเรียบด้านบนของใบสาก และมีขนตามเส้นกลางใบ ด้านล่างสีน้ำตาลแดง มีเส้นใบ 7-15 คู่
ดอก ออกเป็นตามกิ่ง ออกตรงข้ามเป็นกลุ่มราว 2-3 ดอก ก้านดอกยาว 0.5-0.7 ซม. มีกลีบรองกลีบดอก 3 กลีบ ลักษณะจะออกกลมๆ ปลายกลีบป้าน ส่วนรูปทรงของดอก มีกลีบเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย มีขนสีน้ำตาล กลีบดอก 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ รูปทรงยาวรี ความยาวของกลี 1-1.4 ซม สีแดงอมม่วง กลิ่นหอม
ผล ออกเป็นกลุ่มรวมกัน 4-20 ผล รูปทรงกรมกระบอก ขอบขนาน เป็นทรงไข่กลับ มีก้านผลยาว 2-3 ซม. ผลยาว 1.5-2.5 ซม. ผลสุกสีน้ำตาลส้มหรือแดงเลือดนก ผิวสังเกตุจะมีผิวย่นเป็นวงแหวน มีขนอ่อนกระจุกรูป ด้านในมีเมล็ดรูปไข่มีจำนวนมาก เรียงเป็น 2 แถว สีน้ำตาลเป็นมัน
ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด และตอนกิ่ง ขึ้นได้ในทุกสภาพดินแต่จะให้ดีต้องดินร่วย ชอบความชื้นปานกลาง และแสงแดดตลอดวัน