กรมวิชาการเกษตร ขานคำสั่ง “มนัญญา” ให้อุดทุกปัญหาส่งออกผลไม้ไปจีน จัดติวเข้มผู้ประกอบการ โรงคัดบรรจุผลไม้ คาดปีนี้ผลผลิตผลไม้ภาคตะวันออกมีถึง 1.3 ล้านตัน จะสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1 แสนล้านบาท พร้อมอัดกำลังพลตรวจปิดตู้
นายภัชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 มกราคม2565 นี้ ได้มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตร จัดประชุมชี้แจงสร้างการรับรู้แนวทางการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการส่งออกผลไม้ในฤดูกาลผลิตปี 2565 แก่ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุผลไม้ภาคตะวันออก หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตามข้อสั่งการของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำชับให้วางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ไปประเทศจีนตลอดจนการป้องกันผลผลิตด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด
ภัชญภณ หมื่นแจ้ง
ทั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจในหลักเกณฑ์ กฎระเบียบ และขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรในการตรวจติดตาม เฝ้าระวัง และควบคุมการส่งออกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยในการประชุมครั้งนี้นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายแนวทางการส่งออกผลไม้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาผลผลิตลำไยของจังหวัดจันทบุรีประสบปัญหาตรวจพบศัตรูพืชทำให้จีนระงับการนำเข้าลำไยจากโรงคัดบรรจุที่ได้รับการแจ้งเตือน โดยทางการจีนขอให้กรมวิชาการเกษตรระงับการส่งออกชั่วคราวกับโรงคัดบรรจุที่ถูกแจ้งเตือนดังกล่าว เพื่อสอบสวนหาสาเหตุและกำหนดมาตรการควบคุมให้ทางการจีนพิจารณา ซึ่งจากการที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาทำให้ปัจจุบันสามารถส่งออกได้ตามปกติ
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในฤดูกาลส่งออกทุเรียนและมังคุดของจังหวัดจันทบุรี กรมวิชาการเกษตรจึงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผลผลิตเพื่อป้องกันปัญหาศัตรูพืชควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยสร้างการรับรู้และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องตั้งแต่ที่สวนให้แก่เกษตรกร พร้อมกับเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามแนวทางของ FAO และ WHO ในโรงคัดบรรจุอย่างเคร่งครัด โดยหากจีนตรวจพบเชื้อโควิด-19 ในสินค้าผลไม้ของไทยสินค้าจะถูกทำลายซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของผลไม้ไทยในประเทศจีนอีกด้วย
รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวอีกว่า ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลส่งออกผลไม้ภาคตะวันออกในปี 2565 นี้กรมวิชาการเกษตรได้มีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงคัดบรรจุพื้นที่ภาคตะวันออก โดยสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี สมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุด (DMA) และสมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่ (MAFTA) จัดฝึกอบรมมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงคัดบรรจุ ให้กับผู้ประกอบการและผู้ควบคุมคุณภาพประจำโรงคัดบรรจุ จำนวน 400 คน รวมทั้งจัดทำคู่มือและคลิปวีดีโอ การบริหารจัดการโรงคัดบรรจุที่ถูกต้องตามมาตรฐาน GMP และมาตรการป้องกันโควิด-19 ในโรงคัดบรรจุ เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
“กรมวิชาการเกษตรมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุเข้าใจในกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ในการส่งออกผลไม้ โดยจะมีการเพิ่มมาตรการในการตรวจติดตามโรงคัดบรรจุ GMP Plus (มาตรการ GMP + Covid-19 ) ควบคู่กับมาตรการตรวจสอบคุณภาพทุเรียนเพื่อป้องกันทุเรียนด้อยคุณภาพปะปนไปในช่วงต้นฤดู ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทุเรียนตกต่ำและผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในคุณภาพของทุเรียนไทย รวมทั้งได้เตรียมแผนรองรับการตรวจปิดตู้คอนเทนเนอร์ของด่านตรวจพืช และการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (PC) โดยเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในช่วงเวลาดังกล่าวมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอีกหนึ่งเท่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้การส่งออกมีความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น”นายภัชญภณ กล่าว
จากข้อมูลการเพาะปลูกไม้ผลในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี ระยอง และตราด มีการปลูกไม้ผลส่งออกที่สำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด และลำไย พื้นที่รวมกว่า 7 แสนไร่ คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีผลผลิตส่งออกประมาณ 1.3 ล้านตัน ทำรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยลำไยอยู่ในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ส่วนทุเรียนและมังคุดผลผลิตจะออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์และมากที่สุดในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ซึ่งผลผลิตเกือบทั้งหมดจะส่งออกประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดหลัก ปัจจุบันมีโรงงานผลิตสินค้าพืชหรือโรงคัดบรรจุผลไม้ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรรวมจำนวนทั้งสิ้น 1,790 โรง โดยในภาคตะวันออกมีโรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออกรวมทั้งสิ้น 702 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรี 630 โรง