ชูเลี้ยง “ปลากระบอกดำ” ในบ่อดิน ราคาดี คืนทุนเร็ว เพิ่มทางเลือกใหม่ให้เกษตรกร

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมประมงเปิดช่องทางอาชีพใหม่ให้เกษตรกรอาศัยชายฝั่งทะเล ชูเลี้ยง “ปลากระบอกดำ” ในบ่อดิน สัตว์น้ำเศรษฐกิจ เลี้ยงง่าย ให้อาหารปลาดุก ใช้เวลาเลี้ยง 8-12 เดือน ขายแบบคละเพศราคากิโลกรัม 180- 250 บาท ล่าสุดชาวประมงทดลองเลี้ยงแล้วรวม 35,000 ตัว คาดว่าสามารถสร้างรายได้เสริมเป็นเงินประมาณ 450,000 บาท 

            นายบัญชา  สุขแก้ว  อธิบดีกรมประมง  เปิดเผยว่า ปลากระบอกดำ เป็นปลาทะเลที่มีศักยภาพในการพัฒนาไปสู่สัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูงได้ เนื่องจากเป็นปลาเนื้อขาวที่มีรสชาติดีและนิยมนำมาบริโภคในหลากหลายเมนู  ใช้เวลาการเลี้ยงไม่นานก็ได้ขนาดที่ตลาดต้องการและขายได้ราคาดี ทั้งนี้กรมประมง ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ครั้งแรกในปี 2536 (โดยนายนิเวศน์  เรืองพานิช อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้ในปริมาณมาก

กระทั่งเมื่อปี 2561 ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง จังหวัดสงขลา ได้เริ่มดำเนินการศึกษาพัฒนาเทคนิคการเพาะพันธุ์ปลากระบอกดำควบคู่ไปกับการพัฒนาการขุนเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์มาอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง โดยรวบรวมพันธุ์ปลาจากธรรมชาติมาขุนเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ในบ่อปูน กระตุ้นฮอร์โมนเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่ จนสามารถผลิตลูกพันธุ์ในปริมาณมากได้สำเร็จในปี 2565 และดำเนินการพัฒนาเทคนิคการเพาะพันธุ์อย่างต่อเนื่องปัจจุบันพ่อแม่พันธุ์ที่ใช้ในการผลิตลูกพันธุ์ปลากระบอกดำ เพื่อสนับสนุนและจำหน่ายให้แก่เกษตรกรเป็นพ่อแม่พันธุ์ในรุ่นที่ 3

สำหรับรูปแบบการเลี้ยงปลากระบอกในบ่อดินของเกษตรกรนั้น จะปล่อยลูกปลาขนาด 2-3 เซนติเมตร ที่ระดับความหนาแน่น 20,000-30,000 ตัว/ไร่ เลี้ยงด้วยอาการปลากินพืชชนิดลอยน้ำหรืออาหารปลาดุก โปรตีนประมาณ 25 % ใช้เวลาการเลี้ยงจนได้ขนาดตลาด (8-12ตัว/กิโลกรัม) เพียง 8 – 12 เดือน โดยราคาจำหน่ายปลากระบอกแบบคละเพศมีราคา 180 – 250 บาทต่อกิโลกรัม และราคาจำหน่ายจะเพิ่มมากขึ้นถ้าปลากระบอกที่เลี้ยงได้ในบ่อดินมีไข่ตามธรรมชาติ

“เมื่อพิจารณาจากวิธีการเลี้ยง ระยะเวลาการเลี้ยง ราคาขายและต้นทุนการผลิต รวมถึงความต้องการ และความนิยมของผู้บริโภค ความสามารถในการขยายตัวของตลาดแล้ว การเลี้ยงปลากระบอกดำจึงเป็นสัตว์น้ำทางเลือกให้แก่เกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่สัตว์น้ำหลายชนิดกำลังประสบกับปัญหาราคาตกต่ำ” อธิบดีกรมประมง กล่าว

ด้านนายนิคม  ละอองศิริวงศ์  ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง กล่าวถึงวิธีการพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงลูกปลากระบอกดำที่ดำเนินการภายในศูนย์ฯ ว่า เริ่มเอาจริงเอาจังตั้งแต่ปี 2561 โดยลูกพันธุ์ที่ได้จากพ่อแม่พันธุ์ในแต่ละรุ่นจะมีการเลี้ยงด้วยอาหารปลาทะเลวัยอ่อนในช่วงแรก จากนั้นจะค่อยๆปรับเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ด เพื่อให้เกษตรกรที่ซื้อลูกพันธุ์ไปปล่อยในบ่อดิน สามารถให้อาหารเม็ดแกลูกปลาได้ทันที

ปัจจบัน ศูนย์ฯ มีศักยภาพในการผลิตและอนุบาลลูกพันธุ์ปลากระบอก ขนาด 2 – 3 เซนติเมตร เพื่อจำหน่ายให้แก่เกษตรกรรุ่นละ 30,000 – 50,000 ตัว แต่ละรุ่นใช้ระยะเวลา 2 เดือน และมีแนวโน้มที่จะสามารถผลิตลูกพันธุ์ได้เพิ่มขึ้น โดยกรมประมงได้กำหนดราคาจำหน่ายลูกพันธุ์ปลากระบอกดำขนาด ขนาด 2-3 เซนติเมตร ไว้ที่ 2.50 บาท/ตัว และมีเกษตรกรจากจังหวัดสงขลา พัทลุง และตรัง ให้ความสนใจและซื้อเพื่อนำไปทดลองเลี้ยงแล้วรวม 35,000 ตัว ซึ่งเมื่อเลี้ยงจนถึงขนาดตลาดคาดว่าสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรเป็นเงินประมาณ 450,000 บาท 

 ทั้งนี้ เกษตรกรท่านใดสนใจที่จะเลี้ยงปลากระบอกดำ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โทร. 0 7431 1895 หรือ https://www4.fisheries.go.th/local/index.php/main/site/nica-songkhla