ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 1.2 ล้านตัว 4 ภาคในครบรอบ 40 ปีวันประมงแห่งชาติ

  •  
  •  
  •  
  •  

“ธรรมนัส” เร่งเดินหน้า “โครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ 62 จังหวัด 62 ล้านตัว” เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ ดูแลเกษตรกรฐานรากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ล่าสุดครบรอบปีที่ 40 วันประมงแห่งชาติ จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ 8 ชนิดลงแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ 4 แห่ง ใน 4 ภาค รวม 1,200,000 ตัว

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานพิธีเปิดงานครบรอบวันสถาปนากรมประมง ปีที่ 97 ที่จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “97 ปี กรมประมง สร้าง เสริม เพิ่ม ยก พัฒนา ประมงไทย ก้าวสู่ศตวรรษใหม่อย่างยั่งยืน” และ “วันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2566 โดยมี นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมประมง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมอานนท์ กรมประมง พร้อมถ่ายทอดสดผ่าน Facebook live กรมประมง ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งเดินหน้านโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ใน “โครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ 62 จังหวัด 62 ล้านตัว”

มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำให้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนของประชาชนและชาวประมง และเพื่อดูแลเกษตรกรฐานรากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนมีความอยู่ดีมีสุข ซึ่งพันธุ์สัตว์น้ำที่ปล่อยในลุ่มน้ำสำคัญ จะเป็นสัตว์น้ำต้นทุนที่ช่วยฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ สร้างสมดุลระบบนิเวศ และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับสิ่งแวดล้อม

“วันนี้เป็นวันประมงแห่งชาติ ครบรอบปีที่ 40 จึงมีการจัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ 4 แห่ง ใน 4 ภาค แห่งละ 300,000 ตัว จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,200,000 ตัว ได้แก่  บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ , กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา, หนองหาร จังหวัดสกลนคร, เขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ทั้งหมด 8 ชนิด ประกอบด้วย ปลาตะพัด ปลาตะเพียนทอง ปลาตะเพียนขาว ปลาบ้า ปลากระแห ปลาเทพา ปลาสร้อยขาว และปลาหมอตาล” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

รมว.เกษตรฯ กล่าวอีกว่า ขอแสดงความยินดีกับเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และชาวประมง ที่ได้รับคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นในแต่ละสาขา ทั้งประเภทบุคคลทางการเกษตรดีเด่น ประเภทสถาบันเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรดีเด่นด้านการประมงที่ได้รับโล่รางวัลในวันนี้ภาคการประมงนับได้ว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำการประมง ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากมาย ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประชากรของประเทศไทยและประชากรโลก

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและบริหารการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่ภาคการประมงของประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยการพัฒนาการผลิตสัตว์น้ำและสินค้าประมงที่ได้มาตรฐาน ตลอดจนป้องปรามการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดและยั่งยืน สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ควบคู่ไปกับการสร้างอาชีพประมงให้เกิดวิถีความอยู่ดีมีสุขให้กับเกษตรกรชาวประมงและประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ภาคการประมง สูงถึง 130,313 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 จากปี 2564 และยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับวันครบรอบวันสถาปนากรมประมง ปีที่ 97 ในปีนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู บริหารจัดการทรัพยากรประมง ส่งเสริมการผลิตและการตลาดอย่างเป็นรูปธรรมในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการสร้าง เสริม เพิ่ม ยก พัฒนา ประมงไทยอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้พี่น้องชาวประมงเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำผู้ประกอบการด้านการประมงสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน