กรมประมงปั้น “ปลากะพงทอง ปลิง-ปูทะเล” ขึ้นแท่นสัตว์น้ำเศรษฐกิจเกรดพรีเมี่ยม เล็งป้อนวัตถุดิบสู่โรงแรม-ร้านอาหาร 

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมประมงนำร่องดัน “ปลากะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล” ขึ้นแท่นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ ตั้งเป้าสร้างแหล่งผลิตวัตถุดิบคุณภาพด้วยมาตรฐานระดับสากล เสริมรายได้ให้เกษตรกรไทยด้วยการผลิตสินค้าสัตว์น้ำมูลค่าสูง เล็งเจาะตลาดอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เน้นกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร – โรงแรม ด้วยการป้อนวัตถุดิบคุณภาพด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมนำไปเสิร์ฟเป็นเมนูที่เพิ่มมูลค่าด้วยรสชาติที่โดดเด่น ช่วยยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในธุรกิจร้านอาหารไทย

นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปี 2567 ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้เข้าประเทศ 3 ล้านล้านบาท ด้วยการดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไทย 35 ล้านคน กรมประมงได้เล็งเห็นโอกาสในช่องทางดังกล่าว จึงได้สำรวจความต้องการของตลาดทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย จากทั้งในและต่างประเทศ และดำเนินการคัดเลือกสัตว์น้ำเศรษฐกิจนำร่อง 3 ชนิด ได้แก่ “ปลากะพงทอง ปลิงทะเล ปูทะเล” มาดำเนินการส่งเสริมและต่อยอดเป็นวัตถุดิบคุณภาพ สำหรับปรุงเป็นเมนูอาหารที่มีความโดดเด่นทั้งด้านรูปลักษณ์ รสชาติ กลิ่น และสีสัน ซึ่งจะช่วยยกระดับวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นวัตถุดิบที่มีมูลค่าเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันให้เข้าสู่มาตรฐานเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้กรมประมงได้พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหาร อาทิ การร่วมกับสถาบันศิลปะการอาหาร The V School กรุงเทพฯ วางแนวทางการพัฒนาเมนูอาหารเพื่อยกระดับคุณภาพอาหารทะเลของไทย ด้วยการสร้างเมนูอาหารที่ดึงดูดคุณค่าของวัตถุดิบออกมาผ่านเมนูแปลกใหม่เพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค สำหรับสัตว์น้ำทั้ง 3 ชนิด มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ดังนี้

ปลากะพงทอง หรือ อังเกย : ปลาทะเลที่พบได้ในทะเลฝั่งอันดามัน บริเวณภูเก็ต กระบี่ และพังงา มีลักษณะเด่นที่ลำตัวสีเหลืองทอง มีจุดสีดำใหญ่บริเวณลำตัวปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งภูเก็ต (ศพช.ภูเก็ต) สามารถเพาะพันธุ์ปลากะพงทองได้สำเร็จ  เลี้ยงได้ทั้งในกระชังบริเวณชายฝั่งทะเลและในบ่อดิน โดยให้กินปลาสดหรืออาหารเม็ด วันละ 1– 2 มื้อ ใช้ระยะเวลาการเลี้ยง ประมาณ 10 – 12 เดือน สามารถทยอยจับขายได้ปลากะพงทอง มีโปรตีนและกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 สูง

อีกทั้งมีเนื้อที่แน่น รสชาติดี ปรุงเมนูไหนก็อร่อย โดยเฉพาะนึ่งซีอิ๊ว ต้มยำ แกงส้ม และซาซิมิ ฯลฯ เป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรจำหน่ายได้ราคาเป็นที่พอใจ โดยเฉลี่ยราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 – 250 บาท ปัจจุบันกรมประมงได้มีการตั้งจุดสาธิตการเลี้ยงปลากะพงทองและการจัดฝึกอบรมการเพาะเลี้ยงปลากะพงทอง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรได้นำความรู้ไปปรับใช้ในการเพาะเลี้ยงปลากะพงทองเชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น

ปลิงขาว : ปลิงทะเลที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโปรตีนและคอลลาเจน คนจึงนิยมนำมาบริโภค และใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยาและอาหารเสริม ราคาขายปลิงสด กิโลกรัมละ 250 – 500 บาท และแบบตากแห้งราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 1,500 – 5,000 บาท ปลิงชนิดนี้ พบอาศัยอยู่หน้าดินบริเวณแนวชายฝั่งทะเล ประเทศไทยพบมากในแนวหญ้าทะเลชายฝั่งทะเลอันดามันแถวพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ปัจจุบัน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ดำเนินการเพาะพันธุ์ “ปลิงขาว” โดยสามารถผลิตลูกพันธุ์ปลิงขาวได้สำเร็จและมีแผนปล่อยลูกปลิงขาวคืนสู่ธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการจำหน่ายลูกพันธุ์ให้เกษตรกร ซึ่งสามารถจำหน่ายให้กับร้านอาหารหรือโรงแรมได้

ปูขาว หรือ ปูทองหลาง เป็นปูทะเลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชินีปู” ถือเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญ ต่อเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยลักษณะเด่น คือ ตัวใหญ่ ก้ามโต เนื้อแน่น รสชาติหวานมัน ไม่มีกลิ่นโคลน สามารถนำไป แปรรูปเป็นเมนูได้หลากหลาย อาทิ ปูนึ่ง ปูผัดผงกะหรี่ หลนปู ฯลฯ ส่งผลให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยราคาขายปูไข่ในตลาดขนาด 300 – 500 กรัม ราคา 500 – 800 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนปูเนื้อขนาด 400 – 700 กรัม ราคา 300 – 600 บาท ต่อกิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาขายสูง บวกกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภค กรมประมงได้มอบหมายให้กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ดำเนินการเพาะขยายพันธุ์ปูทะเล และปล่อยคืนสู่ท้องทะเลเพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ควบคู่ไปกับการจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้และให้คำแนะนำส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเพาะเลี้ยงปูทะเล ด้วยจุดเด่นของการเลี้ยงปูทะเลที่ต้นทุนไม่สูงมาก ขั้นตอนการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 70-90 วัน สามารถจับขายได้ ปัจจุบัน กรมประมงได้ผลักดันให้เกษตรกรที่มีบ่อปลา/บ่อกุ้งร้าง หันมาทำเป็นบ่อเลี้ยงปูทะเล เพื่อยกระดับรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่เศรษฐกิจฐานรากทั้งระดับครัวเรือนและชุมชน อีกทั้ง ยังมีส่วนในการขยายมูลค่าการค้าปูทะเลของไทยให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในอนาคตกรมประมงยังมุ่งมั่นที่จะผลักดันการพัฒนาสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดรองรับความต้องการของผู้บริโภคต่อไป