ตั้ง ฉก.เพาะพันธุ์ปลาเคลื่อนที่สอนชุมชนทำเอง นำร่อง 2 แหล่งน้ำ “กว็านพะเยา-หนองหาร”เป้าเพิ่มปลาไทย 60 ล้านตัว

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมประมง ตั้งชุดเฉพาะกิจเพาะพันธุ์ปลาเคลื่อนที่ด้วยชุด “Mobile hatchery” ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมกับชุมชนประมงอนุรักษ์ ตั้งแคมป์เพาะพันธุ์ปลา พร้อมถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนวิธีทำการเพาะ-ขยายพันธุ์จากพ่อแม่พันธุ์ปลาไข่แก่ น้ำเชื้อสมบูรณ์ จากแม่น้ำโขงฉีดฮอร์โมนผสมเทียม รีดไข่ เพาะฟักจนออกเป็นตัวอ่อน นำร่องปล่อยลงสู่ 2 แหล่งน้ำ “หนองหาร-กว๊านพะเยา” เป้าหมาย 60 ล้านตัว ภายใต้โครงการ “ประมงร่วมอาสา…พาปลากลับบ้าน”  

         นายมีศักดิ์  ภักดีคงอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา กรมประมงได้เร่งเพาะขยายพันธุ์ปลาไทยและนำไปปล่อยในแหล่งน้ำเพื่อทดแทนการผลิตจากธรรมชาติในลุ่มน้ำสำคัญของประเทศไทย   

       ล่าสุด ได้วางแนวทางร่วมกับชุมชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องฟื้นฟูผลผลิตสัตว์น้ำเพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศต้นน้ำและแม่น้ำสาขา โดยได้ดำเนินโครงการ “ประมงร่วมอาสา…พาปลากลับบ้าน” เพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดของไทยและนำลูกปลาวัยอ่อนคืนสู่ต้นน้ำที่เป็นแหล่งกำเนิดของพันธุ์ปลาไทยชนิดต่างๆด้วยการใช้เทคโนโลยี“ชุดอุปกรณ์เพาะพันธุ์ปลาแบบเคลื่อนที่ (Mobile hatchery)” ทำการเพาะพันธุ์ปลาไทยในกลุ่มที่มีการอพยพจากลำนำโขง เช่น ปลาสวาย ปลาตะเพียน ปลาตะเพียนทอง ปลากระแห ปลาสร้อยขาว ปลาเทพา  ปลากาดำฯลฯ

        ทั้งนี้ในช่วงหน้าฝนฤดูปลามีไข่ ปลาจากแม่น้ำโขงพยายามจะเดินทางว่ายทวนน้ำขึ้นมาวางไข่ในถิ่นเกิดแต่ด้วยระยะทางที่ไกลและอุปสรรคต่างๆ จึงทำให้ปลาเหล่านั้นไม่สามารถเดินทางไปวางไข่ได้เป็นเหตุให้ปลาในหนองหาร และกว๊านพะเยาลดลงอย่างมาก 

       ดังนั้น เพื่อพาปลากลับถิ่นเกิดและเพิ่มพันธ์ุปลาในแหล่งน้ำกรมประมงจึงได้ตั้งชุดเฉพาะกิจเพาะพันธุ์ปลาเคลื่อนที่ด้วยชุด Mobile hatchery พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ร่วมกับชุมชนประมงอนุรักษ์46 ชุมชนในพื้นที่ไปตั้งแคมป์เพาะพันธุ์ปลาดำเนินการรวบรวมพ่อแม่พันธุ์ปลาไข่แก่ น้ำเชื้อสมบูรณ์ จากแม่น้ำโขงฉีดฮอร์โมนผสมเทียม รีดไข่ เพาะฟักจนออกเป็นตัวอ่อนและนำลูกปลาวัยอ่อนบรรจุถุงควบคุมอุณหภูมิ

       จากนั้นนำไปปล่อยลงในพื้นที่เป้าหมายและได้ส่งเสริมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ได้เรียนรู้ในทุกกระบวนการขั้นตอน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้นในชุมชนเบื้องต้นได้นำร่องในพื้นที่เป้าหมาย 2 พื้นที่ คือ หนองหาร จังหวัดสกลนคร และ กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา โดยจะปล่อยปลาพื้นที่ละ 30 ล้านตัวรวมจำนวนทั้งสิ้น 60 ล้านตัว ดังนี้

    1.พื้นที่หนองหารจังหวัดสกลนครแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ พื้นที่77,000ไร่ ระบายน้ำลงลำน้ำกรำไหลสู่แม่น้ำโขงที่บ้านปากบัง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ระยะทาง 123 กิโลเมตรชุดเฉพาะกิจฯ ได้ไปตั้งแคมป์เพาะพันธุ์ปลาที่บ้านปากบัง ตำบลพิมาน อำ ล้านตัวเภอนาแก จังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการตามขั้นตอนจนได้ลูกปลาปล่อยลงในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำหนองหารจังหวัดสกลนคร ซึ่งขณะนี้ได้ทำการปล่อยปลาตะเพียนขาว ปลาสวาย ปลากระแห ไปแล้ว จำนวนรวมกว่า 12.84 ล้านตัว

    2.พื้นที่ กว้านพะเยา จังหวัดพะเยาแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ทางภาคเหนือ ที่มีระยะลำน้ำไกลกว่า 170 กิโลเมตร จากปากน้ำอิงชุดเฉพาะกิจฯ ได้ไปตั้งแคมป์ ที่บริเวณปากน้ำอิง บ้านปากอิงใต้ ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการตามขั้นตอนเช่นเดียวกัน จนได้ลูกปลาปล่อยในกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา ซึ่งขณะนี้ ได้ปล่อยปลาตะเพียนขาว และปลาตะเพียนทอง ไปแล้ว รวมจำนวนกว่า 10.5ล้านตัว

      ทั้งนี้ จากการเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้ง 2 พื้นที่ สามารถเพาะพันธุ์ปลาและปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำไปได้แล้วกว่า 23.34 ล้านตัว โดยกรมประมงได้มีการสนับสนุนการสร้างแหล่งอาหารสำรองเพื่อรองรับจำนวนลูกปลาที่จะนำมาปล่อย เป็นการเพิ่มอัตราการรอดและการเติบโตของลูกปลาจำนวนมาก  หลังจากนำไปปล่อยในพื้นที่แหล่งต้นน้ำและจะมีการประเมินความชุกชุมการแพร่กระจายและการเติบโตของพันธุ์ที่นำมาปล่อยอีกด้วย

      “ภายใต้การมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นและผู้นำชุมชนในพื้นที่ และในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้เป็นช่วงที่ฝนตกชุกจะได้ดำเนินการรวบรวมพ่อแม่พันธุ์เพื่อเร่งเพาะพันธุ์ให้บรรลุเป้าหมายและกำลังดำเนินการเพาะปลาเศรษฐกิจชนิดอื่นอีกด้วย” อธิบดีกรมประมง กล่าว