ชูกลุ่มเลี้ยง “ปลาดุกบิ๊กอุย” นครพนม ขายสด-แปรรูป เงินสะพัดปีละ 23 ล้าน รายได้คนละรวม 9 แสนบาท

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมประมงโชว์ความสำเร็จ “โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่” ชูกลุ่มเลี้ยง “ปลาดุกบิ๊กอุย” จังหวัดนครพนม สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรรายละเกือบ 9 แสนบาทต่อปี ทำให้เงินสะพัดเข้าชุมปีละกว่า 23 บาท ทั้งขายปลาสุด แปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่า และสร้างศักยภาพในการแข่งขันและสร้างรายได้ สร้างะอาชีพที่มั่นคง

     นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ตามนโยบายของรัฐบาลนั้นในส่วนของกรมประมงนั้น ได้ดำเนินโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ทั้งด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และสัตว์น้ำชายฝั่ง โดยกรมประมงให้การสนับสนุนลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่มีคุณภาพให้กับเกษตรกร เพื่อเพิ่มอัตราการรอด และสนับสนุนจุลินทรีย์ ปม.1 ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายสารอินทรีย์ ในการปรับปรุงคุณภาพน้ำ

เฉลิมชัย สุวรรณรักษ์

    พร้อมกันนี้ได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรในด้านต่าง ๆทั้งด้านการเลี้ยง การจำหน่าย รวมถึงการจัดหาปัจจัยการผลิตให้แก่สมาชิกภายในกลุ่ม การส่งเสริมการตลาด เพื่อให้เกษตรกรผลิตสินค้าตรงกับความต้องการของตลาด และสนับสนุนการแปรรูปสินค้า เพื่อเพิ่มมูลค้าสินค้า รวมถึงประสานงานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อมารับซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรสมาชิกได้โดยตรง พร้อมกับการยกระดับมาตรฐานสินค้า(GAP)ด้วย

      ปัจจุบันกรมประมงมีพื้นที่ดำเนินโครงการฯ จำนวนถึง 150 แปลง มีพื้นที่รวมแล้ว 15,873.93 ไร่ ซึ่งมีชนิดสัตว์น้ำที่หลากหลายตามความเหมาะสมของพื้นที่และศักยภาพของเกษตรกร อาทิ ปลานิล ปลาตะเพียน ปลายี่สกเทศ ปลากะพงขาว ปลาดุก กบ ปลาหมอ ปลาแรด ปลาสลิด ปลาสวาย ปลาช่อน ปูทะเล กุ้งก้ามกราม กุ้งทะเล เป็นต้น โดยจำแนกเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ ปี 2559 จำนวน 9 แปลง กลุ่มแปลงใหญ่ ปี 2560 จำนวน 16 แปลง กลุ่มแปลงใหญ่ ปี 2561 จำนวน 50 แปลง กลุ่มแปลงใหญ่ ปี 2562 จำนวน 34 แปลง กลุ่มแปลงใหญ่ ปี 2563 จำนวน 26 แปลง และกลุ่มแปลงใหญ่ ปี 2564 จำนวน 15 แปลง

      สำหรับโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (สัตว์น้ำจืด) จังหวัดนครพนมอยู่ภายใต้การดำเนินโครงการของสำนักงานประมงจังหวัดนครพนม และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดนครพนม เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของโครงการฯ ที่สนับสนุนให้เกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย ซึ่งเป็นหนึ่งในชนิดพันธุ์สัตว์น้ำที่กรมประมงได้สนับสนุนให้เข้าสู่โครงการฯ ในปี 2564 เนื่องจากเป็นสัตว์น้ำที่ตลาดมีความต้องการสูง ราคาดี โดยปัจจุบันมีสมาชิกในโครงการฯ ทั้งหมด 34 ราย โดยกลุ่มนี้มีรูปแบบการเลี้ยงทั้งแบบเดี่ยวและแบบผสมผสาน

      วัตถุประสงค์ในการเลี้ยงแบ่งเป็น การเลี้ยงแบบยังชีพจำนวน 7 ราย และเลี้ยงแบบพาณิชย์จำนวน 27 ราย โดยมีกำลังในการผลิตต่อคนเฉลี่ย 16,877.77 กิโลกรัม/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 10,319.29 กิโลกรัม/ไร่ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.11 บาท ผลผลิตของกลุ่มเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยรวมทั้งสิ้นกว่า 455,700 กิโลกรัม/ปี และสามารถ สร้างรายได้รวมทั้งปีได้ประมาณ 879,519.75 บาท/ราย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 23 ล้านบาท

      ทั้งนี้ เกษตรกรยังได้มีการเพิ่มมูลค่าผลผลิตโดยการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย อาทิ ข้าวเกรียบปลาดุก ไส้กรอกปลาดุก น้ำพริกปลาดุกฟู เบอร์เกอร์ปลาดุก เป็นต้น เพื่อจำหน่ายสู่ท้องตลาดในช่วงที่ราคาขายปลาสดตกต่ำ ซึ่งสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี จึงนับเป็นการต่อยอดผลผลิต เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพได้เป็นอย่างดีอีกทางหนึ่ง โดยกรมประมงจะได้เร่งผลักดันให้มีการขยายผลในเรื่องของการแปรรูปสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการฯ เพื่อเพิ่มมูลค่า และรองรับความต้องการของตลาดต่อไปด้วย

      นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า การดำเนินโครงการฯ ในปี 2564  กรมประมงได้เตรียมแผนการดำเนินงานโดยการเพิ่มแปลงใหม่ สำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด จำนวน 12 แปลง เกษตรกร 431 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช, นครพนม, กาฬสินธุ์, ราชบุรี, นครปฐม, ลำปาง, กาญจนบุรี, พะเยา, อุดรธานี, พิษณุโลก, หนองบัวลำภู และสุราษฎร์ธานี โดยชนิดพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่ทำการสนับสนุน ได้แก่ ปลาดุก ปลาสลิด กุ้งก้ามกราม ปลานิล ปลาตะเพียนขาว และปลาหมอ

       ส่วนสัตว์น้ำชายฝั่งมีแผนการดำเนินงาน 3 จังหวัด ได้แก่ ตราด, สมุทรสาคร และสุราษฎร์ธานี รวมจำนวน 3 แปลง ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง 3 ชนิด คือ ปูทะเล, ปลากะพงขาว และปลากะรัง ซึ่งจะดำเนินการร่วมกับกลุ่มเกษตรกรที่มีความสมัครใจเข้าร่วมโครงการฯ และสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนด
รองอธิบดีกรมประมง กล่าวทิ้งท้ายว่า หากเกษตรกรท่านใดมีความสนใจต้องการเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัด หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง ได้ทุกแห่งทั่วประเทศ ในวันและเวลาราชการ