ปล่อย “ฉลามกบ” สู่ธรรมชาติบริเวณปะการังเทียม จ.ระยอง ตั้งเป้าให้ได้ 100 ตัว

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมประมง เดินหน้าขยายพันธุ์ปลาฉลามกบ เพื่อปล่อยสู่ธรรมชาติ ตั้งเป้า 100 ตัว ล่าสุดปล่อยแล้วรวม 60 ตัวสู่บริเวณปะการังเทียมในพื้นที่ จ.ระยอง ตามแผนฟื้นฟูและอนุรักษ์สัตว์น้ำหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ตั้งเป้าเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำรวม 39 ชนิด เป็นสัตว์น้ำจืด 36 ชนิด สัตว์ทะเลจำนวน 3 ชนิด “หอยหวาน -ฉลามกบ-ปลิงทะเล”  ภายใต้โครงการบริหารจัดการทรัพยากรประมงปี 2564

       ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การขยายพันธุ์พันธุ์ฉลามกบซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่อาศัย
อยู่ในแนวปะการัง ปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการฉลามของประเทศซึ่งลูกปลาฉลามกบที่กรมประมงปล่อยคืนสู่ธรรมชาตินั้นเกิดจากการผสมพันธุ์ของพ่อ-แม่พันธุ์ที่ถูกรวบรวมจากธรรมชาติตั้งแต่ปี 2563 และดำเนินการเพาะขยายพันธุ์โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง

ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง

      ในปี 2564 สามารถเพาะขยายพันธุ์ลูกปลาฉลามกบประสบความสำเร็จพร้อมวางแผนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ จำนวน 100 ตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทยอยปล่อยไปแล้วจำนวน 20 ตัว และครั้งล่าสุดนี้ปล่อยเพิ่มอีกจำนวน 40 ตัว โดยฉลามกบที่ปล่อยครั้งนี้มีอายุ 60 วันขนาดความยาว  15 – 18 เซนติเมตร เป็นเพศผู้จำนวน 29 ตัว และเพศเมียจำนวน 11 ตัวปล่อยบริเวณเกาะมันนอก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อีกทั้งมีแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล (ปะการังเทียม) ที่ จ.ระยอง ของกรมประมงซึ่งเป็นที่หลบภัยได้ดี คุณภาพน้ำดี และมีการพบปลาฉลามกบอาศัยอยู่ทำให้บริเวณดังกล่าวมีความเหมาะสมและปลอดภัย

    “ปลาฉลาม จัดเป็นสัตว์น้ำที่สำคัญในห่วงโซ่อาหาร เนื่องจากการมีอยู่ของฉลามคือหลักประกันความสมดุล
ของโครงสร้างประชากรปลาทะเลเพราะในฐานะนักล่าลำดับสูงสุดฉลามทำหน้าที่กำจัดปลาที่เชื่องช้าป่วยหรือใกล้หมดอายุตามวัยช่วยคัดสรรสายพันธุ์ปลาอื่น ๆ ให้แข็งแรงรักษาสมดุลประชากรปลากินพืชให้อยู่ในระดับพอเหมาะไม่สร้างความเสียหายให้กับถิ่นที่อาศัย ขณะเดียวกันยังควบคุมพฤติกรรมของปลากินเหยื่อขนาดรองๆ ลงมาให้สามารถแบ่งสรรกันใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสมซึ่งความหลากหลายของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตนี่เองที่ทำให้ท้องทะเลมีชีวิตชีวาและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชื่นชมความงามของโลกใต้ท้องทะเล” ดร.วิชาญ กล่าว

   รองอธิบดีกรมประมง กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชน ผู้สนใจหากต้องการศึกษาพฤติกรรรมการดำรงชีวิตฉลาม
สายพันธุ์นี้ สามารถชมได้ที่ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง (Rayong Aquarium)ถือเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระยองตั้งอยู่เลขที่ 2 หมู่ 2 ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ภายในสถานแสดงฯ นอกจากจะมีการจัดแสดงฉลามกบแล้วยังได้รวบรวมและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำมีชีวิต สัตว์น้ำสวยงามและสัตว์น้ำที่หายาก ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับอาชีพการทำการประมง เรือประมง และเครื่องมือประมงชนิดต่างๆ จากในส่วนนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ อันจะก่อให้เกิดความรักและหวงแหนในทรัพยากรสัตว์น้ำของไทยโดยกำหนดเปิดให้บริการในวันพุธ-ศุกร์ เวลา 10.00 น. – 16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยเปิดให้บริการในเวลา 10.00 น. – 16.30 น

      ด้านนายธนัช ศรีคุ้ม ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง กล่าวเพิ่มเติมว่า ปลาฉลามกบ เป็นฉลามที่อาศัยบริเวณพื้นท้องทะเลที่เป็นทรายหรือทรายปนโคลนตามชายฝั่งทะเล และกองหินใต้น้ำตามแนวปะการัง ในเขตน่านน้ำไทยสามารถพบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีพฤติกรรมชอบอยู่นิ่ง ๆ ไม่ดุร้าย กินพืชและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร

      ทางศูนย์ฯ  ได้ดำเนินการเพาะพันธุ์ลูกปลาฉลามกบ โดยทำการเลี้ยงในบ่อเพาะฟัก และนำไข่ที่ได้จากการฟักของพ่อ-แม่พันธุ์แยกไว้ในตะกร้าโดยวางไข่กระจายออกจากกันไม่ให้เกิดการทับซ้อนเพื่อง่ายต่อการดูแลและป้องกันการเน่าเสีย

      สำหรับขั้นตอนการฟักไข่จะต้องทำความสะอาดและตรวจสอบไข่เป็นประจำทุกวันเพื่อแยกไข่เสีย ในขณะเดียวกันต้องหมั่นตรวจสอบคุณภาพของน้ำ ทั้งอุณหภูมิ ความเค็ม และความเป็นกรดด่างของน้ำที่ใช้ระหว่างขั้นตอนการฟักไข่ และเมื่อลูกปลาฉลามฟักออกจากไข่แล้ว จะนำไปแยกเลี้ยงในบ่ออนุบาล โดยฝึกให้กินอาหารมีชีวิต เช่น ลูกกุ้ง ลูกปลา เพื่อให้แน่ใจว่าลูกปลาฉลามเหล่านี้สามารถหาอาหารกินเองได้ในธรรมชาติก่อนที่จะทำการปล่อยลูกปลาฉลามกบคืนสู่ธรรมชาติ