บุกพิสูจน์ถึงที่ พบชัดเจนอาหารลาดุกสูตรกรมประมง “การใช้หัวไก่สด หัวไก่หมักในการเลี้ยงปลาดุกลูกผสม” ได้ผลเกินคาด ทำให้ปลาดุกมีขนาดโตกว่าการใช้อาหารที่ใช้เดิมกว่า 20% เลี้ยง 5 เดือนขายได้แล้วลดต้นทุนด้านอาหารถึงร้อย 30-40 ลดน้ำเน่าเสียได้ดีกว่าด้วย
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวภายหลังนำคณะนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจเยี่ยมฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาดุกของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อติดตามผลการดำเนินงานลดต้นทุนด้วยสูตรอาหารของกรมประมง ภายหลังจากการฝึกอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรได้นำไปประยุกต์ใช้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 ว่า จากการตรวจสอบพบว่าสัตว์น้ำมีการเจริญเติบโตที่ดีและมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดอีกด้วย ซึ่งกรมประมงได้มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนางานวิจัยด้านการประมงสาขาต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะในเรื่องของการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
เฉลิมชัย สุวรรณรักษ์
ทั้งนี้กรมประมงได้มีนโยบายส่งเสริมให้นักวิจัยได้เร่งสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ อยู่เสมอ และนำงานวิจัยมาปรับประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับวิถีการประกอบอาชีพด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยคำนึงถึงการลดต้นทุนในการผลิต แต่ยังคงรักษาคุณภาพและมาตรฐานเพื่อเพิ่มมูลค่าและขีดความสามารถในการแข่งขัน
สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรีครั้งนี้ เป็นการติดตามงานที่กรมประมงได้นำผลงานวิจัยเรื่อง “การใช้หัวไก่สด หัวไก่หมักในการเลี้ยงปลาดุกลูกผสม” มาดัดแปลงสูตรเพื่อผลิตเป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงปลาดุกในฟาร์มเพาะเลี้ยงของเกษตรกร โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น และมีราคาถูก ซึ่งกรมประมงได้ฝึกอบรมให้เกษตรกรได้นำสูตรไปประยุกต์ใช้ ผลปรากฏว่า ปลาดุกมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดีและคุณภาพเป็นไปตามความต้องการของตลาด โดยปลาดุกมีขนาดโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับอาหารที่ใช้เดิม
“กรมประมง จะเร่งผลักดันให้มีการพัฒนางานวิจัยเพื่อลดต้นทุนในการผลิตเสริมสร้างประสิทธิภาพสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้ภาคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทยมีความเข้มแข็ง และเกษตรกรมีความมั่งคงในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน” นายเฉลิมชัย กล่าว
ด้านนางพิศมัย สมสืบ ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานได้เร่งวางแนวทางการนำงานวิจัยมาช่วยลดต้นทุนในการผลิตอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 60 และจากการรับทราบปัญหาของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาดุกในเขตพื้นที่ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี กรมประมงจึงได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลละหาร จังหวัดนนทบุรี จัดฝึกอบรมโครงการ “การผลิตอาหารสัตว์น้ำเพื่อลดต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์น้ำ” ให้แก่เกษตรกรจำนวน 50 ราย เมื่อช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา โดยได้นำองค์ความรู้จากงานวิจัยถ่ายทอดให้เกษตรกรได้ทำการปรับปรุงสูตรอาหารในการเลี้ยงปลาดุกเพื่อให้สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
นางพิศมัย กล่าวอีกว่า เดิมเกษตรกรใช้โครงไก่บดและเศษวัตถุดิบที่เหลือจากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น เศษขนมปัง เศษอาหารไก่ กากมันวัว มาผสมรวมกัน โดยไม่มีสัดส่วนที่แน่นอน ทำให้เวลาให้อาหารปลาในบ่อ อาหารจะเหลวละลายน้ำเร็ว ต้องใช้ปริมาณอาหารจำนวนมาก และยังส่งผลให้น้ำในบ่อเลี้ยงเน่าเสียได้ง่ายอีกด้วย แต่หลังจากที่เกษตรกรได้นำหลักความรู้ในการฝึกอบรมไปใช้ในการผลิตอาหารสัตว์น้ำอย่างเหมาะสม กลับพบว่าสามารถลดต้นทุนค่าอาหารในการเลี้ยงได้ถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
โดยสูตรอาหารสำหรับเลี้ยงปลาดุกอย่างง่ายที่กรมประมงแนะนำ มีส่วนผสมของวัตถุดิบต่าง ๆ ดังนี้
วัตถุดิบ | อาหาร ๑๐ กิโลกรัม | อาหาร ๑ กิโลกรัม |
1. อาหารปลานิล/ปลาดุกโปรตีน 30-32% | 3.2 กิโลกรัม | 320 กรัม |
2. โครงไก่บดสด | 8.8 กิโลกรัม (2.2 กิโลกรัมแห้ง) | 880 กรัม |
3. เศษขนมปัง/เศษอาหารไก่ | 4.5 กิโลกรัม | 450 กรัม |
4. ยีสต์ขนมปัง | 50 กรัม | 5 กรัม |
5. วิตามินและแร่ธาตุรวม | 5-10 กรัม | 0.5-1 กรัม |
รวมน้ำหนักอาหาร | ๑๐ กิโลกรัม | ๑ กิโลกรัม |
ขณะที่นายสะอัส อินเดริด อายุ 71 ปี ปราชญ์เกษตรประจำปี 2562 และเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาดุก ตำบลละหาร อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ให้ข้อมูลว่า ตนได้ประกอบอาชีพเลี้ยงปลาดุกมานานกว่า 10 ปี ซึ่งที่ผ่านมาใช้วิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติในบ่อดิน ซึ่งมี 2 บ่อ ขนาด 1.5 งาน 1 บ่อ ปล่อยปลาลงเลี้ยง 20,000 ตัว และขนาด 2 งาน 1 บ่อ ปล่อยปลาลงเลี้ยง 25,000 ตัว แต่เดิมใช้วิธีการให้อาหารโดยนำส่วนผสมของวัตถุดิบทุกอย่างมาบดรวมแบบไม่มีสัดส่วนที่แน่นอน ทำให้คุณภาพอาหารที่ได้จะไม่เหนียวเป็นก้อน เมื่อนำไปให้ปลากินก็จะเหลือเศษอาหารตกค้างในบ่อค่อนข้างเยอะ น้ำเน่าเสียได้ง่าย และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายด้านอาหารจำนวนมาก
ลังจากที่ได้เข้ารับการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการปรับปรุงสูตรอาหารในการเลี้ยงปลาดุกจากกรมประมง ปรากฏว่าจากการใช้สัดส่วนในการผสมวัตถุดิบที่เหมาะสมแล้วนำมาบดรวมกันทำให้อาหารมีความเหนียวมากยิ่งขึ้น และเมื่อนำไปให้ปลาในบ่อเลี้ยงจะไม่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สามารถลดสาเหตุของน้ำเสียและลดการเปลี่ยนถ่ายน้ำได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญช่วยลดทุนในการผลิตอาหารได้จากเดิมมาก ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงเพียง 5 เดือนสามารถจับผลผลิตเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้เลี้ยงครัวเรือนได้เป็นอย่างดี