กรมประมง จัดทีมปูพรมสำรวจแหล่งน้ำทั่วไทย หวั่นกระทบแหล่งพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืด

  •  
  •  
  •  
  •  


กรมประมง จัดทีมปูพรมสำรวจแหล่งน้ำ อ่างเก็บน้ำ และเขื่อนต่าง ๆ ที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงน้ำลดก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง หวั่นกระทบต่อแหล่งที่อยู่อาศัยของพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืด เผยถ้าจำเป็นต้องวางมาตรการทางกฎหมายคุ้มครองสัตว์น้ำเป็นการฉุกเฉิน  แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 วอนคนในพื้นที่ร่วมกันขับเคลื่อน เพือคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืดให้มีโอกาสได้แพร่พันธุ์ต่อไป

       นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำให้เร่งคุ้มครองแหล่งพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืด ซึ่งเป็นฐานทรัพยากรสัตว์น้ำจืดที่สำคัญในการผลิตสัตว์น้ำวัยอ่อนช่วงฤดูปลามีไข่ ปี 2564 โดยวางมาตรการบริหารจัดการที่เหมาะสม และให้ลดการระดมทำการประมง หรือใช้เครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฎหมาย เพื่อไม่ให้พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืดในแหล่งน้ำธรรมชาติ   ซึ่งการสั่งการดังกล่าว กรมประมงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมาย

       ล่าสุดจึงได้สั่งการให้สำนักงานประมงจังหวัด ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดทั่วประเทศ  เร่งจัดทีมสำรวจและตรวจสอบแหล่งน้ำสำคัญในพื้นที่ความรับผิดชอบ ว่ามีแหล่งน้ำใดที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดปัญหาความแห้งแล้ง หรือมีปริมาณน้ำอยู่ในภาวะวิกฤต แห้งขอดจนกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็กที่อาจส่งผลต่อการทำการประมงผิดกฎหมาย หรือมีการระดมทำการประมงที่หนาแน่นเกินไป  จนเข้าข่ายทำลายหรือตัดตอนวงจรการแพร่ขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำจนเกินความจำเป็น และส่งผลกระทบให้แหล่งอาศัยพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืดถูกทำลายอย่างรุนแรง

        นอกจากนี้ได้กำชับให้ทุกพื้นที่เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจกับพี่น้องชาวประมง และประชาชนทั่วไป เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์และคุ้มครองแหล่งพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืดในช่วงภาวะวิกฤตน้ำลด  พร้อมทั้งให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากร คุ้มครองแหล่งพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำ หรือใช้วิธีการเคลื่อนย้ายพ่อแม่พันธุ์สัตว์ไปไว้ในแหล่งน้ำที่มีความปลอดภัย  

       “ถ้าจำเป็นต้องวางมาตรการทางกฎหมายคุ้มครองสัตว์น้ำเป็นการฉุกเฉิน  โดยใช้กลไกของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด ตามมาตรา 28 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง ประกอบมาตรา 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558  และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2560 ที่กำหนดไว้ว่า ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉิน หรือมีความจำเป็นเร่งด่วนในการออกประกาศตามมาตรา 56 และมาตรา 71 ให้คณะกรรมการประมงประจำจังหวัดมีอำนาจออกประกาศบังคับใช้เป็นการชั่วคราว มีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 60 วัน นับจากวันที่ประกาศมีผลบังคับใช้”นายมีศักดิ์ กล่าว

     อธิบดีกรมประมง กล่าวอีกว่า แม้ว่ากฎหมายประมงฉบับนี้ได้ออกแบบให้สามารถออกกฎหมายลำดับรองเป็นการเฉพาะ เพื่อให้บังคับใช้ได้อย่างเหมาะสมแต่ละพื้นที่แล้วก็ตาม  มาตรการคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำจืดจะเห็นผลสัมฤทธิ์และก่อให้เกิดความยั่งยืนของทรัพยากรอย่างแท้จริงได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของคนในพื้นที่ ร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืดให้มีโอกาสได้แพร่พันธุ์วางไข่ เลี้ยงตัวในวัยอ่อน ในฤดูน้ำหลาก  ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญหล่อเลี้ยงประชาชนในพื้นที่ และสร้างเศรษฐกิจระดับฐานรากต่อไป