นักวิชาการ15 ประเทศถกส่งเสริมเลี้ยง”ปลาพลวง ปลาเวียน”เชิงเศรษฐกิจที่แม่โจ้ ราคาแพง กก.3 พัน

  •  
  •  
  •  
  •  

นักวิชาการกระมง 15 ประเทศ ร่วมวงถกต่อยอดองค์ความรู้ ส่งเสริมการเลี้ยง“ปลาพลวง ปลาเวียน”ในเชิงเศรษฐกิจ ในงานประชุมทางวิชาการ “ปลาพลวง ปลาเวียน ระดับนานาชาติ ครั้งที่ 2” ที่มหาวิทลัยแม่โจ้เป็นภาพ ระบุเป็นปลาที่สวยงาม ราคาสูง โดยเฉพาะปลาพลวงชมพูราคากิโลกรัมละ 3,000 บาท

       อีกครั้งที่ได้มีการจัดประชุมทางวิชาการ “ปลาพลวง ปลาเวียน ระดับนานาชาติ ครั้งที่ 2” (2nd International Mahseer Conference) ในครั้งนี้คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดย รศ.ดร.วีระพล ทองมา รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม และได้รับเกียรติจาก นายสายันต์ เอี่ยมรอด ผู้ตรวจการราชการกรมประมง ประเทศไทย , Dr. Tashi Samdup, อธิบดีกรมปศุสัตว์ ประเทศภูฏาน Dr. David Philipp องค์กรอนุรักษ์ประมง ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ ซึ่งมีผู้สนใจจาก 15 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ณ ห้องพันตน โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา

       รศ.ดร.อภินันท์ สุวรรณรักษ์ อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ซึ่งเป็นผู้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องปลาพลวง ปลาเวียนมานานกว่า 20 ปี ให้ข้อมูลว่า จากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เมื่อคราวเสด็จเยือนราษฎร ณ เขื่อนบางลาง จ.ยะลา ความว่า “ควรอนุรักษ์ปลาพันธุ์นี้ให้คงอยู่ และควรส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกร”

      ปลาเวียน ปลาพลวง เป็นปลาในกลุ่มปลาตะเพียนที่มีขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ในแม่น้ำขนาดใหญ่และพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งได้รับความสนใจในระดับชาติ และนานาชาติ ทั้งเพื่อเป็นอาหาร และเลี้ยงเชิงเศรษฐกิจเพราะเป็นปลาที่สวยงามและมีราคาสูง เช่นปลาพลวงชมพูราคากิโลกรัมละ 3,000 บาท อีกทั้งยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ อยู่ในแหล่งน้ำที่สะอาด มีร่มเงา มีแหล่งอาหาร และแหล่งวางไข่

     นั่นหมายถึงการมีปลาขนาดเล็กชนิดอื่นยังคงอยู่ได้ เพราะบนต้นไม้ที่เป็นร่มเงาเป็นที่อยู่ของแมลง แมลงบกส่วนใหญ่วางไข่ในน้ำ ตัวอ่อนของแมลงนั้นก็จะเป็นอาหารของปลาขนาดเล็ก รวมถึงลูกปลาพลวงด้วย ซึ่งปลาพลวงนั้นเป็นปลาที่กินอาหารตามวัย เมื่อโตขึ้นมาก็กินผลไม้ที่หล่นลงมาในน้ำดังนั้นจึงต้องมีต้นไม่ใหญ่อยู่ด้วย จึงเป็นสิ่งที่บ่งชี้ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ

        อย่างไรก็ตามในการจัดประชุมวิชาการฯ ในครั้งนี้ เป็นการจัดการประชุมขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ของโลก ในระหว่างวันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ 2563 หลังจากที่ได้จัดครั้งแรกที่ประเทศภูฏาน เป็นการยกระดับความรู้ทางวิชาการ พัฒนาผู้รู้รุ่นใหม่เพื่อเป็นกำลังสำคัญหลัก ในการพัฒนาประเทศเปิดโอกาสให้นักวิชาการ เกษตรกรผู้ประกอบการ นักศึกษาและผู้สนใจทั่วไปจากสถาบันต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประมง ได้ร่วมฟังการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญ และได้นำเสนอผลงานทางวิชาการ แสดงแนวคิดเพื่อให้เกิดการระดมความคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ และเผยแพร่ผลงานทางวิชาการให้แก่สาธารณชนได้รับทราบต่อไป

       การประชมในครั้งนี้ มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วม 120 คน จาก 15 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ภูฏาน มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เมียนมาร์ เวียดนาม มาเลเซีย เนปาล ปากีสถาน เยอรมัน อังกฤษ สเปน แคนาดาสหรัฐอเมริกา และประเทศไทย ได้รับฟังบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านปลาพลวงทั่วโลกกว่า 13 ท่าน มีเนื้อหาทางวิชาการภาคบรรยายจำนวน 32 เรื่อง และภาคโปสเตอร์จำนวน 20 เรื่อง การเสวนาเพื่อสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายการอนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำในภูมิภาคเอเชีย และในโลก โดยได้รับทุนการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ได้แก่ Fish Conservation Foundation, Mahseer Trust, Himalayan River United, International Section of Fisheries of the American Fisheries Society, World Wild Foundation international, World Fish Migration Foundation, International Finance Cooperation World Bank Group, Thailand Outdoor, Forest Coffee, Sun sweet, บริษัท ไทยลักซ์ มหาชน จำกัด, กรมประมง, คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ และมหาวิทยาลัยแม่โจ้