“อัครา” ชูสินค้า GI “ปลากะพง 3 น้ำในทะเลสาบสงขลา” ของกลุ่มรักเกาะยอ

  •  
  •  
  •  
  •  

“อัครา” ชูสินค้า GI “ปลากะพงสามน้ำในทะเลสาบสงขลา” ของกลุ่มรักเกาะยอ ที่สามารถต่อยอดโครงการ 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง มุ่งส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และรักษาความสดของปลาจนถึงมือผู้บริโภค

นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการและพบปะพี่น้องเกษตรกร ณ กลุ่มรักเกาะยอ ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยกลุ่มรักเกาะยอเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชังทะเลสาบสงขลา หมู่ 4, 5, 8 ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา จำนวน 32 ราย พื้นที่เลี้ยง 4.13 ไร่ จำนวนกระชัง 294 กระชัง ผลผลิตเฉลี่ย 96 ตัน/ปี รายได้ 15.4 ล้านบาท/ปี ได้รับมาตรฐาน GAP จากกรมประมง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวที่เรียกว่ามีสภาพ 3 น้ำเพราะบางช่วงจะมีน้ำที่แตกต่างคือปกคิน้ำกรอบที่เกิดจากน้ำทะเลผสมน้ำจืด แต่ถ้าช่วงน้ำทะเลหนุนน้ำจะเค็ม แต่พอถึงฤดูน้ำหลากจะเป็นน้ำจืด

อัครา พรหมเผ่า

ปัจจุบันได้ดำเนินการเป็นจุดจำหน่ายสินค้าปลากะพงสดและอาหารทะเลอื่น ๆ ตามคำสั่งซื้อ เช่น หมึก และกุ้งก้ามกรามทะเลสาบ จากกลุ่มเกษตรกรอำเภอใกล้เคียง จำหน่ายโดยตรงหน้าท่า พ่อค้า ร้านค้าในท้องถิ่น การขายออนไลน์ และการจัดแสดงสินค้า โดยกลุ่มมีการสร้างเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือด้านการตลาดกับกลุ่มผู้เลี้ยงปลากะพงอื่น ๆ ทั่วทั้งเกาะยอ สามารถควบคุมราคาตลาดปลากะพงให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม ทำให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เกิดเป็นอาชีพหลักของสมาชิก ปัจจุบันกลุ่มรักเกาะยอขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลาของจังหวัดสงขลา

สำหรับในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงได้สนับสนุนงบประมาณโครงการเกษตรแปลงใหญ่ (ปลากะพง) งบประมาณปี 2565 – 2567 และงบประมาณปี 2566 โครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง จำนวน 100,000 บาท และมีแผนการดำเนินงานในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อใช้ในกระบวนการเลี้ยงและการแปรรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสามารถรักษาความสดของปลาจนถึงมือผู้บริโภค สามารถจัดส่งได้ทั่วประเทศ พร้อมจัดหาแหล่งเงินทุนในการพัฒนาการเลี้ยงที่มีประสิทธิภาพ การแปรรูปปลาที่ได้คุณภาพ และผลิตได้ตามความต้องการของตลาด จัดหาครุภัณฑ์ที่จําเป็นในการสนับสนุนด้านการแปรรูป เช่น โต๊ะสแตนเลสสําหรับแล่ปลากะพง พร้อมอุปกรณ์ รวมถึงการศึกษาดูงานการเลี้ยงและแปรรูปปลากะพง และสนับสนุนการทําการตลาดสินค้าปลากะพงด้วย

นายอัครา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตร โดยมีเป้าหมายให้ “เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน” ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เช่น นโยบายยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูงด้วยการต่อยอดโครงการ 1 ท้องถิ่น 1 สินค้าเกษตรมูลค่าสูง สร้าง Brand หรือ Story ของจังหวัดหรือท้องถิ่น ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตรอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเป็นแนวทางพัฒนาและปฏิรูปภาคการเกษตรไทยที่จะสร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

กระทรวงเกษตรฯ พร้อมที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร โดยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน ได้ลงนามในพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบกักกันโรคและสุขอนามัยทางสัตว์แพทย์ของกรมประมง ที่มาจากการเพาะเลี้ยงส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งพิธีสารฯ ฉบับนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ไทยสามารถส่งออกปลากะพงขาวซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากการเพาะเลี้ยงชนิดแรก  คาดว่าจะสามารถส่งออกได้ปีละมากกว่า 50,000 ตันต่อปี

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานตามนโยบายจะเกิดความสำเร็จได้จะต้องอาศัยการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม รวมถึงเกษตรกร ดังนั้นเกษตรกรและประชาชนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการทำการเกษตรที่ดี มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาด และสิ่งสำคัญต้องสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ในอนาคต