ดลมนัส กาเจ

 

                                               หมายเหตุ: ภาพนี้ส่งต่อๆไม่ทราบที่มาขออนุญาตเผยเพราต่อ

           ตอนนี้กระแสของ “กัญชา” มาแรงมาก หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ปลดล็อกกัญชาและกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 ให้สามารถนำไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และสามารถนำไปใช้รักษาโรคภายใต้การควบคุมและดูแลทางการแพทย์ได้

            องค์กรหรือหน่วยงานที่เดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องของกัญชา เพื่อจะให้เกษตรกรปลูกกัญอย่างทั่วถึง และมีการรณรงค์ที่ต่อต้านกลุ่มบุคคล หรือบริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามาผูกขาดเรื่องของการปลูกกัญชาเพียงรายเดียวอย่างชัดเจนคือสภาเกษตรกรแห่งชาติ ที่ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ย้ำชัดเจนตลอดเวลาว่า การปลูกกัญชาต้องเข้าระดับหมู่บ้าน นั่นแปลว่าให้เกษตรกรรายย่อยสามารถปลูกได้ เพราะมองว่ากัญชา จะทำให้เกษตรกรพ้นจากความยากจนได้ และได้เข้าถึงสมุนไพรในการรักษาโรคตามภูมิปัญญาของชาวบ้านได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ควบคุมได้ ซึ่งที่ผ่านมาสภาเกษตรกรแห่งชาติได้ขับเคลื่อนในรูปแบบของจัดสัมมนาเชิงวิชาการสร้างความเข้าใจให้กับเกษตรกรและประชาชนที่สนใจอย่างทั่วทุกภาคของประเทศไทย

            ส่วนพรรคการเมืองที่ขับเคลื่อนเรื่องของกัญชา เพื่อให้เข้าถึงเกษตรกรอย่างแท้จริง ต้องยกให้ “พรรคภูมิใจไทย” มีการขับเคลื่อน สนับสนุนมาตั้งตั้งแต่ก่อน สนช.จะมีมติเป็นเอกฉันท์ปลดล็อกกัญชาและกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 เสียอีก และหลังจากที่ สนช. มีมติเป็นเอกฉันท์ปลดล็อกกัญชาและกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 แล้วพรรคภูมิใจก็ยังขับเคลื่อนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

            นอกจากนี้ก็ยังมีหลายองค์กร และหลายหน่วยงานที่หันมาสนใจเรื่องกัญชา จนกลายเป็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุค  “กัญชาฟรีเวอร์” ที่ใครๆและใคร ก็หันมาสนใจในเรื่องของกัญชา ซึ่งที่ผ่านมานอกจากจะมีการสัมมนาเชิงวิชาการให้ความด้านกัญชาแล้ว ยังมีงานหนึ่งที่ยังไม่เคยจัดในประเทศไทยมาก่อน  แต่กำลังเตรียมที่จัด คืองาน “วันกัญชาโลก” ซึ่งปกติในต่างประเทศจะมีการจัดกันมานานแล้วในวันที่ 20 เมษายนของทุกปีคือ “วันกัญชาโลก” เพิ่งะกำลังจะจัดในประเทศไทยเป็นแรก ที่ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วคือ จังหวีดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานสำคัญของพรรคภูมิใจไทย จะมีการจัดงานกัญชาโลกครั้งแรกในประเทศไทยภายใต้ชื่องานว่า “พันธุ์รัมย์” หรือ งานวันกัญชาโลก 420 

          เป็นงาน “มหกรรมกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่  19-21 เมษายน 2526 .นี้  ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ งานคาดการณ์ว่า จะมีผู้ร่วมงานหลายแสนคนจากทั่วโลก

         วันก่อนมีการจัดแถลงข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ประธานในการจัดงาน และได้เปิดเผยว่า จากการที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่7) พ.ศ. 2562 ได้อนุญาตให้มีการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ทางจังหวัดบุรีรัมย์ในฐานะองค์กรของรัฐ ได้ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน และภาคเอกชน จัดกิจกรรมให้ความรู้เพื่อการใช้กัญชาอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ ทั้งการแพทย์แผนไทย และการแพทย์แผนปัจจุบัน ให้แก่ผู้เจ็บป่วย ผู้ที่มีความสนใจเรื่องสุขภาพ และประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจในการใช้กัญชาบนพื้นฐานของความถูกต้องตามกฏหมายอย่างแท้จริง ภายใต้ชื่องาน “พันธุ์บุรีรัมย์”

        งานนี้จะมีการจัดนิทรรศการให้ประชาชนได้รู้จักกัญชาสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งกัญชาสายพันธุ์ไทยและต่างประเทศ, เสวนาวิธีการปลูกกัญชาเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจ, ลงทะเบียนและรับรักษาผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย, นิทรรศการอาหารสมุนไพรรักษาโรค, บูธขายสินค้าสมุนไพรไทยและสินค้าเพื่อสุขภาพ พร้อมความบันเทิงครบครัน ด้วยคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่จากศิลปินชั้นนำ คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้หลายแสนคน

        นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริษัทบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด บอกว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นการทำตามกฎหมายทุกอย่าง  โดยมีเป้าหมายต้องการให้คนไทยเข้าใจ และเข้าถึงเกี่ยวกับกัญชา โดยเข้าใจในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทั้งภูมิปัญญาทางการแพทย์ในการรักษาโรค และโภชนาการของประเทศไทย เพราะประโยชน์ไม่ใช่แค่รักษาแต่ปรุงอาหารเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงไม่ป่วยด้วย รวมถึง เข้าใจข้อกำหนดของกฎหมายต่างๆ การปลูก วิธีการทำยา จะต้องมีความเข้าใจทั้งหมดตั้งแต่การปลูกจนแปรรูป ในการเข้าถึง คนไทยต้องเข้าถึงยากัญชาในโรคที่สามารถใช้รักษาได้ โดยไม่ใช่เป็นการหายจากโรคที่เป็นแต่เกิดโรคหนี้ขึ้นมาใหม่ เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อยากัญชามาใช้ จึงต้องเปิดโอกาสให้คนไทยเข้าถึงองค์ความรู้ในการที่ผลิตยาเพื่อใช้เองได้ด้วย หรือหากต้องซื้อจะต้องไม่มีราคาแพง

        ที่สำคัญนายเนวิน บอกว่า เชื่อว่ากัญชาจะเป็นพืชเปลี่ยนเศรษฐกิจ หากทำให้ถูกต้องและทุกคนเข้าถึงได้ และรับรู้ว่าจะสามารถนำมาต่อยอดเชิงอุตสาหกรรมในการทำเป็นธุรกิจอย่างไร ซึ่งต่างประเทศนำมาผสมเป็นอาหาร เครื่องดื่ม จะเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงการเป็นสตาร์ทอัพ หรือเป็นสินค้าโอทอปที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เช่น ชาไข่มุกกัญชา กาแฟกัญชา หรือสินค้าโอทอปที่เชื่อว่าจะขายดี ไม่ใช่ผลิตแล้วขายไม่ได้อย่างสินค้าโอทอปที่เคยส่งเสริมกัน เพราะมั่นใจว่าการใช้กัญชาปรุงอาหารเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ยกตัวอย่าง เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ใช้เวลา 1 ปี หลังจากกฎหมายให้ใช้กัญชาเสรี สร้างรายได้ถึง 3 พันล้านเหรีญสหรัฐต่อปี หากเมืองไทยทำได้จะสร้างรายได้นับแสนล้านบาท

            นายเนวิน บอกอีกว่า พันธุ์บุรีรัมย์ไม่ใช่สายพันธุ์กัญชา แต่ต้องการให้คนมีแนวคิดแบบคนบุรีรัมย์ คือ กล้าคิดใหม่ และเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะถ้ายังคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ผลที่เกิดขึ้นก็แบบเดิม หากทำให้กัญชาเสรีจริง ชาวบ้านเกษตรกรสามารถปลูกได้ ภายใน 3 ปี คนบุรีรัมย์จะหมดหนี้ การจัดงานจึงต้องการให้ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงสิทธิในการปลูกได้ ไม่ใช่เป็นการส่งเสริมให้คนไทยเดินสูบกัญชากันอย่างเสรี แต่จะเป็นการรักษาภูมิปัญญาให้เป็นของทุกคนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สามารถทำเป็นอาชีพและรายได้ให้ทั้งเกษตรกรได้

           อีกงานหนึ่งที่ถือว่างานวันกัญชาโลกที่จัดขึ้นในประเทศไทยคืองาน “The 5th Thailand 420”  จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2562 ที่ Runway 3119 (ใกล้ Airport Link ลาดกระบัง)ตั้งแต่ เวลา 14.00-23.30 น. งานเข้าฟรีครับ

                                                           ภาพ: Runway 3119

        งานนี้ มีการเชิญบริษัทกัญชาที่อยู่แนวหน้าของโลกมาให้แนวทางธุรกิจตั้งแต่เริ่มเป็นเมล็ด ไปจนผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ เริ่มต้นโดย Dutch Passion  มาพูดเรื่องแนวทางการผลิตเมล็ด การขึ้นทะเบียนสาพันธุ์ ฯลฯ , มี Highland Grower LLC Applicant ฟาร์มปลูกกัญชาจากแคนาดา มาพูดเรื่องการปลูกกัญชา ตามมาตรฐานการส่งออกของโลก และอาจจะมีเซอร์ไพร์สที่ขออุบไว้ก่อน

        นอกจากนี้ยังมี Workshop อีกหลายอย่างเช่น Organic Soil เวิร์คช็อปสอนทำดินออแกนิค, Indoor Grow เวิร์คช็อป การปลูกกัญชาในร่ม, เวิร์คช็อปการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคจากแพทย์โดยตรง ฯลฯเป็นต้น

        ก็นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการจัดงาน “วันกันชาโลก” สนใจเข้าร่วมงานได้ครับ!