อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยผลเจรจากับไต้หวันประสบผลสำเร็จ สามารถเปิดตลาดส่งออกไข่ไก่สดสำเร็จดำเนินการได้ทันที ในเดือนมีนาคม 2566 นี้ราว 5 – 8 ล้านฟอง และมีแนวโน้มการส่งออกมากขึ้น ย้ำหลายประเทศมั่นใจในมาตรฐานการผลิต คุณภาพ และความปลอดภัยทางอาหารของไทย เตรียมเปิดเจรจาเพิ่มสร้างตลาดใหม่ ส่งผลดีต่อการรักษาสมดุลระหว่างการผลิตและการบริโภค สร้างเสถียรภาพด้านราคาที่เกษตรกรจำหน่ายได้
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธานในการหารือร่วมกับนายอิแซค เฉิง-ชาง เซีย ผู้อำนวยการส่วนนโยบาย สำนักงานการค้าและวัฒนธรรมไต้หวันประจำประเทศไทยและนายชิง ซอง เฉิง ผู้เชี่ยวชาญสำนักตรวจสอบและกักกันพืชและสัตว์แห่งไต้หวัน (BAPHIQ) พร้อมคณะ เพื่อกำหนดแนวทางการเปิดตลาดไข่สดไปยังไต้หวันโดยพิจารณาเงื่อนไขการส่งออก รูปแบบของหนังสือรับรอง ตลอดจนวิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเห็นชอบร่วมกันและนำไปสู่การที่ไต้หวันอนุมัติให้มีการนำเข้าไข่ไก่สดจากประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งผู้ประกอบการสามารถยื่นขออนุญาตส่งออกได้ทันที ตามความต้องการไข่ไก่สดจากไทย ในเดือนมีนาคม 2566 ส่งออกได้ประมาณ 5 – 8 ล้านฟอง และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไต้หวันมีความต้องการบริโภคประมาณ 20 ล้านฟองต่อวัน
ผลสำเร็จจากการเปิดเจรจาเปิดตลาดนี้เป็นไปตามนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลกอย่างปลอดภัยและยั่งยืน” ของดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ให้ขับเคลื่อนปฏิรูประบบอาหารและเกษตรสู่ความยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นสินค้าเกษตรและอาหารไทย โดยมอบหมายให้กรมปศุสัตว์กำกับควบคุมดูแลการผลิตสินค้าปศุสัตว์ตลอดห่วงโซ่การผลิต ให้ได้คุณภาพมาตรฐานเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้านความปลอดภัยอาหาร ตั้งแต่แหล่งที่มาของสัตว์จากฟาร์มมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) โรงฆ่าและโรงแปรรูปที่มีการปฏิบัติทางสุขลักษณะที่ดี (Good Hygiene Practices: GHPs) และระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points: HACCP) สอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายในประเทศ ตามระเบียบของประเทศคู่ค้าและตามหลักสากล
อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ไต้หวันเลือกนำเข้าไข่สดจากไทยเป็นครั้งแรก นับเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ของประเทศไทยที่จะสามารถมีตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมจากเดิมที่ส่งออกไปยังฮ่องกงและสิงคโปร์เป็นหลัก ทั้งนี้ในปี 2565 สามารถส่งออกไข่ไก่ได้ 282 ล้านฟอง มูลค่า 1,238 ล้านบาท ยอดการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านประสบปัญหาการขาดแคลนไข่ไก่สดเพราะการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก อีกทั้งต้นทุนการผลิตยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ประเทศไทยโดยกรมปศุสัตว์มีมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ไม่มีการแพร่ระบาดไข้หวัดนกในประเทศไทยมากกว่า 15 ปี ซึ่งเป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและไข่ที่สามารถผลิตได้อย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นที่เชื่อมั่นของประเทศคู่ค้า จากนี้ไปจะมีการเปิดตลาดของไข่สดอีกหลายประเทศเพื่อสร้างตลาดส่งออกใหม่ จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถรักษาระดับการผลิตและการบริโภคให้ใกล้เคียงภาวะสมดุล