เทคนิคการคัดเลือกสายพันธุ์แมลงเศรษฐกิจเลี้ยงแล้วรวย แบบฉบับเกษตรกรคนเก่งของ ส.ป.ก.

  •  
  •  
  •  
  •  

 “สะดิ้งคล้ายๆจิ้งหรีดแต่ตัวสีขาวอมน้ำตาลแต่ว่าตัวเล็กกว่า ซึ่งสะดิ้งเป็นที่ต้องการของตลาดในเชิงอุตสาหกรรมเอาไปทำผงโปรตีน ส่วนตัวจิ้งหรีดก็จะมีจิ้งหรีดทองดำ จิ้งหรีดทองแดง แล้วก็ปัจจุบันมีการผสมข้ามสายพันธุ์ ในตลาดเรียกว่าจิ้งหรีดดำแดง ซึ่งถ้าเป็นตลาดของจิ้งหรีดเนี่ย ณ ปัจจุบันผู้บริโภคนิยมจิ้งหรีดดำแดงคือมีสีสันที่สวยงาม”

การที่จะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจเพื่อการค้าปัจจัยสำคัญเบื้องต้นจะต้องได้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพและตามที่ตลาดต้องการ การคัดเลือกสายพันธุ์แมลงเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เกษตรกรคนเก่งของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม “ภูดิศ หาญสวัสดิ์” จากอำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น เล่าว่า “คำว่าแมลงเศรษฐกิจ” ที่ถูกบัญญัติไว้หมายถึง สะดิ้ง จิ้งหรีด และก็จิ้งโกร่ง จิ้งโกร่งคล้ายๆจิ้งหรีดแต่ว่าตัวใหญ่กว่า  ทีนี้ทางกลุ่มเดิมทีเขาเลี้ยงเป็นจิ้งหรีดทองดำตัวใหญ่ๆสีดำก็เลี้ยงกันมาเรื่อย

จนกระทั่งเราได้เข้าร่วมกับโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ของทางกรมส่งเสริมการเกษตรนะครับ ก็ได้เป็นทั้งพี่เลี้ยงเป็นทั้งคู่ค้าเป็นทั้งต้นแบบ คือทางกลุ่มวิสาหกิจบ้านแสนตอ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

ภูดิศ เล่าอีกว่า สะดิ้งคล้ายๆจิ้งหรีดแต่ตัวสีขาวอมน้ำตาลแต่ว่าตัวเล็กกว่า ซึ่งสะดิ้งเป็นที่ต้องการของตลาดในเชิงอุตสาหกรรมเอาไปทำผงโปรตีน ส่วนตัวจิ้งหรีดก็จะมีจิ้งหรีดทองดำ จิ้งหรีดทองแดง แล้วก็ปัจจุบันมีการผสมข้ามสายพันธุ์ ในตลาดเรียกว่าจิ้งหรีดดำแดง ซึ่งถ้าเป็นตลาดของจิ้งหรีดเนี่ย ณ ปัจจุบันผู้บริโภคนิยมจิ้งหรีดดำแดงคือมีสีสันที่สวยงาม ไม่ดำจนเกินไปไม่แดงอย่างเดียวซึ่งอันนี้ผู้บริโภคชอบ ประกอบกับข้อได้เปรียบจุดเด่นของดำและแดงพอมาอยู่ในที่เดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแข็งแรงตัวใหญ่สมบูรณ์ไข่เยอะให้ผลผลิตดี มันก็จะมีข้อดีของแต่ละสายพันธุ์มารวมกัน ทำให้กระบวนการหรือว่าธุรกิจในการเลี้ยงของจิ้งหรีดค่อนข้างได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่ในขณะเดียวกันที่กลุ่มจะเป็นการเลี้ยงเพื่อส่งโรงงานเป็นหลัก ประมาณ 80% เป็นสะดิ้ง 20% เป็นจิ้งหรีดสายพันธุ์ดำแดง

ส่วนในเรื่องจุดเด่นจุดด้อยของของจิ้งหรีดและแมงสะดิ้ง ภูดิศ   บอกว่า สำหรับจิ้งหรีดที่ได้สัมผัสการเลี้ยงจริงๆเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาเองหรือว่าสมาชิก คือเข้าใจว่าอาจจะคุ้นเคยกับสายพันธุ์จะบอกกันว่าจิ้งหรีดเลี้ยงง่ายกว่าสะดิ้ง แต่ในส่วนของผลตอบแทนต่อบ่อเลี้ยงปริมาณของจิ้งหรีดก็คือจะน้อยกว่าสะดิ้งนะครับ ราคาขายสูงกว่าสะดิ้ง

โดยรวมๆแล้วในการเลี้ยงหรือว่า ดูแลพฤติกรรมของจิ้งหรีดกับสะดิ้งแทบจะไม่ต่างกัน อาหารการกินก็ใกล้เคียงกัน ระยะเวลาในการเลี้ยง 45 วัน ถ้าเป็นสะดิ้งอาจจะบวก 4-5 วัน   ในเรื่องของการขยายพันธุ์ในเรื่องของอัตราการตาย จริงๆแล้วสะดิ้งกับจิ้งหรีดก็แทบจะไม่ต่างกัน แต่เราจะเลือกเลี้ยงรุ่นนี้จะเน้นสะดิ้งมากกว่าหรือจะเน้นจิ้งหรีดมากกว่าขึ้นอยู่กับตลาด

เขา บอกถึงแนวทางการเลี้ยงของกลุ่มเกษตรกรคนเก่งชี้ แบบชัดๆไปที่ตลาดนำการผลิต เอาตลาดหรือความต้องการทางตลาดเป็นที่ตั้งทำให้กลุ่มสามารถผลิตและจำหน่ายแมลงเศรษฐกิจได้

“ที่นี่ก็คือตลาดนำการผลิต มีอยู่ช่วงนึงสะดิ้ง 100% เลยก็มี นี่คือตลาดต้องการมาก่อน แล้วก็มีบางช่วงจิ้งหรีดไม่สามารถที่จะส่งขายได้ตามออเดอร์ ก็คือตลาดอาจจะตันก็มีเหมือนกัน ฉะนั้นแล้วเราจะต้องมีการติดตามข้อมูลไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า ตลาด เพจหรือเฟซบุ๊ก ในเรื่องของการซื้อขายจิ้งหรีด เราจะเอาตลาดนำเสมอครับ แต่ว่าพอเวลาประมาณสัก 1 เดือนเราจะสังเกตแล้วว่า จิ้งหรีดหรือสะดิ้งไม่ตายนะ จิ้งหรีดและสะดิ้งตัวใหญ่แข็งแรงดีมีความสมบูรณ์ เราจะเริ่มมีการติดต่อคู่ค้า” ภูดิศ กล่าว

เกษตรกรคนเก่งของ ส.ป.ก. เล่าถึงคู่ค้าว่า มีคู่ค้าหลายราย หลายเจ้าแล้วแต่ละเจ้าก็มีความพร้อมในการที่จะรับซื้อผลผลิตแต่ละช่วงที่ไม่เท่ากัน ก็จะมีทีมงานรวมถึงตัวผมด้วยในการติดต่อหาลูกค้าให้กับทั้งตัวเองและสมาชิกด้วยครับ สรุปก็คือการเลี้ยงไม่ได้ต่างกัน ขึ้นอยู่กับตลาดว่าตลาดต้องการแมลงชนิดไหนนั่นเอง

ในส่วนของการ จิ้งหรีดและสะดิ้ง เขาบอกว่า ผลตอบแทนย่อมต่างกัน คือราคาของจิ้งหรีดจะแพงกว่าสะดิ้ง 10 บาทต่อกิโลกรัม ในทุกๆตลาดที่เจอมาโดยเฉลี่ย แต่ปริมาณผลผลิตจิ้งหรีดก็จะน้อยกว่าสะดิ้งต่อบ่อ ฉะนั้นแล้วรายได้ต่อ 1 บ่อของจิ้งหรีดกับสะดิ้งเฉลี่ยแล้วก็แทบไม่ต่างกัน จิ้งหรีดได้ผลผลิตน้อยแต่ราคาสูง สะดิ้งได้ผลผลิตมากแต่ราคาต่ำกว่า เฉลี่ยแล้วพอๆกัน