“จิ้งหรีดไทย”บุกไกลในตลาดโลก เขาไปทำเบเกอรี

  •  
  •  
  •  
  •  

“จูอะดี พงศ์มณีรัตน์” เผยหลังจากที่เอฟเอโอส่งเสริมให้คนหันมาบริโภคจิ้งหรีด แมลงบริโภคได้ แหล่งโปรตีนราคาถูก หาได้ง่ายในท้องถิ่น ทำให้จิ้งหรีดไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลกทั้งในสภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งนำไปเป็นส่วนผสมผลิตผลิตภัณฑ์เบเกอรี่  มกอช.สบช่อง หารือ มช. เดินหน้าดัน “อุตสาหกรรมจิ้งหรีดไทย” หาโซลูชั่นส่งเสริมงานวิจัย เพื่อพัฒนาศักยภาพการแข่งขัน รองรับขยายตลาดส่งออกในอนาคต

        ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ (Food and Agriculture Organization of the United Nation ; FAO) ได้ส่งเสริมให้คนหันมาบริโภคจิ้งหรีด ซึ่งเป็นแมลงที่บริโภคได้ เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกใหม่ที่มีราคาถูกและสามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่น ปัจจุบันมีการค้าขายจิ้งหรีดในรูปแบบสด แช่แข็ง รวมถึงทำเป็นการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทอด คั่ว หรือบรรจุกระป๋อง รวมทั้งทำเป็นผงบดเพื่อแปรรูปเป็นแป้งที่นำไปเป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ เช่น สภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น

                                                                           จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ (ขวา)

      ดังนั้นมกอช. จึงร่วมหารือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการวิจัย พัฒนา และส่งเสริมอุตสาหกรรมแมลงบริโภคได้ของไทย และการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีด (มกษ.8202-2560) เพื่อสนับสนุนการส่งออกจิ้งหรีดไปยังต่างประเทศ เนื่องด้วยเมื่อเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา มกอช. ได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการและร่วมเปิดงาน International Green Week 2020 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พบว่า ผู้ที่เข้าร่วมงานและผู้ประกอบการชาวต่างชาติ มีความสนใจแมลงบริโภคได้ของไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจิ้งหรีด โดยมีความต้องการที่จะนำเข้าจิ้งหรีดจากเกษตรกรของไทย เนื่องด้วยภูมิศาสตร์ทางกายภาพของประเทศไทยนั้น เหมาะสมเอื้อต่อการเลี้ยงจิ้งหรีด ส่งผลต่อคุณภาพ และรสชาติของจิ้งหรีด

       ทั้งนี้ มกอช. ได้จัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตร มาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีด (มกษ.8202/2560) ปัจจุบันมีเกษตรกรได้รับรองมาตรฐานฟาร์มทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 13 แห่ง และเริ่มมีความต้องการสั่งซื้อเพิ่มสูงขึ้นจากทุกภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งการหารือ และร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการวิจัย พัฒนา และส่งเสริมอุตสาหกรรมจิ้งหรีดของไทย จะช่วยในการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับฟาร์ม วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบสนองทั้งนโยบายการส่งเสริมการผลิตเกษตรแปลงใหญ่ ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน และเป็นการตอบสนองแนวทางนโยบายการผลิตอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่สามารถรองรับการเติบโตของประชากรทั่วโลกตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) รวมทั้งขยายโอกาสเปิดตลาดสินค้าไปยังตลาดที่มีความต้องการและกำลังซื้อสูง

        นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมฟาร์มจิ้งหรีดที่มีศักยภาพในเขตภาคเหนือ ได้แก่ ศิริพรฟาร์มจิ้งหรีด อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ของคุณศิริพร จุ่มแก้ว เจ้าของฟาร์ม เป็นเกษตรกรที่ต้องการพัฒนามาตรฐานฟาร์มเข้าสู่ระบบการผลิตทางการเกษตรที่ดี (GAP) และมีความพร้อมต่อการผลิตแมลงเพื่อการบริโภคหลายชนิด ตั้งแต่จิ้งหรีดทองดำ ทองแดง สะดิ้ง จนถึงชนิดอื่นๆ เช่น จิ้งโกร่ง และดักแด้ไหม และCricket Lab อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยได้ร่วมหารือ Mr.Nicolas Bery หุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง โดยฟาร์มและโรงงานของ Cricket Lab ซึ่งผ่านการตรวจสอบมาตรฐานสากลแล้วหลายแห่ง รวมทั้งการรับรองมาตรฐานฟาร์มจิ้งหรีดตาม มกษ.8202-2560 มีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดปลายทางหลายประเทศ และปัจจุบันกำลังเตรียมขยายกิจการโดยเข้าร่วมโครงการพัฒนาผู้ประกอบการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อีกด้วย