เลี้ยงหมูอารมณ์ดี ที่ “จีระวรรณฟาร์ม” สำเร็จจากคอนแทรคฟาร์ม

  •  
  •  
  •  
  •  

          “แต่ละปีเรามีรายได้ราวๆ 7 แสนบาทจากการเลี้ยงหมูขุน 2 รุ่น ปัจจุบันเลี้ยงรุ่นละ 680 ตัว ทำให้มีเงินส่งลูกทั้ง 2 คนเรียนจนจบปริญญา ก็เพราะอาชีพเลี้ยงหมู วันนี้ยังวางแผนที่จะขยายฟาร์มให้กับลูกสาวคนโต เพราะเขาเห็นความสำเร็จของพ่อแม่ เราเชื่อว่าอาชีพนี้จะกลายเป็นมรดกให้ลูกๆได้อย่างแน่นอน”

         วิถีชีวิตของ “จีระวรรณ -สง่า สอนพรม” เกษตรกรสองสามี-ภรรยา ชาวตำบลบ้านธาตุ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เมื่อ 17 ปีก่อน ไม่แตกต่างกับชาวบ้านในละแวกเดียวกัน  เมื่อถึงหน้านาก็ทำนาปลูกข้าว พอหมดหน้านาก็ทำไร่ข้าวโพดปลูกมันสําปะหลังสลับกันไป ทำให้เขาและธอท้องสองมองหาช่องทางอีชีพใหม่ที่ดีกว่า บังเอิญได้พบเห็นเพื่อนที่ประสบผลสำเร็จจากอาชีพการเลี้ยงหมู่ ในโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกรขุนแก่เกษตรกรรายย่อย หรือคอนแทรคฟาร์มโครงการฝากเลี้ยงหมู กับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ มีรายได้ดี จึงได้ศึกษารายละเอียดและตัดสินใจเข้าร่วมโครงการทันที ในนาม ““จีระวรรณฟาร์ม” และมาประยุกต์การเลี้ยงหมูให้อารมณ์ดี ด้วยการเปิดเพลงให้หมูฟังทุกวัน

        จีระวรรณ ย้อนอดีตก่อนตัดสินใจหันมาเลี้ยงในระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่งกับ ซีพีเอฟ ว่า เกิดจากความสำเร็จของเพื่อน ทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้ครอบครัวสนใจที่เลี้ยงหมูในระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่งกับ ซีพีเอฟ เพราะแต่ละปีการทำนามีได้รายปีละครั้ง ทำไร่เสริมอีกก็ได้เงินตามแต่ผลผลิตที่ได้มา แต่การเลี้ยงหมูจะมีรายได้ทั้งปี จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการเลี้ยงของตัวเอง จึงตัดสินเลือกอาชีพนี้ในนาม  “จีระวรรณฟาร์ม” ตั้งแต่ปี 2545 ในโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกรขุนแก่เกษตรกรรายย่อย หรือคอนแทรคฟาร์มโครงการฝากเลี้ยงหมู กับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดยเริ่มสร้างฟาร์มระบบปิด เลี้ยงหมูขุนจำนวน 500 ตัว ในโรงเรือนอีแวปตามมาตรฐานของบริษัท

       เธอ บอกอย่างมั่นใจว่า แม้ว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการเลี้ยงสัตว์มาก่อนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเรียนรู้ เพราะในโครงการนี้มีทีมงานทั้งสัตวแพทย์และสัตวบาลของซีพีเอฟมาถ่ายทอดองค์ความรู้ ทั้งวิธีการเลี้ยง การจัดการฟาร์ม และการดูแลสุขภาพหมู เพื่อให้สามารถบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งยังพร้อมเปิดรับความรู้และวิชาการใหม่ๆที่บริษัทมอบให้อย่างต่อเนื่อง

       หลังจากที่ได้ลงมือทำอาชีพนี้จริงๆ จีระวรรณ และสง่า บอกตรงกันว่า เป็นอาชีพที่ทั้งสองคนชอบมาก ที่ได้เลี้ยงดูหมู ได้เห็นการเติบโต และได้ดูแลเอาใจใส่ การเลี้ยงหมูทุกๆรุ่นพวกเขาจะเน้นความเป็นอยู่ที่ดีของหมู การปรับอุณหภูมิและการให้อาหารที่เหมาะสมกับช่วงอายุหมู เมื่อสังเกตหมูที่เริ่มกินอาหารน้อยก็จะแยกออกมาดูแลเป็นพิเศษ และที่ฟาร์มนี้ยังเปิดเพลงให้หมูฟังเพื่อให้ได้ “หมูอารมณ์ดี” คนเลี้ยงก็มีความสุข การใส่ใจดูแลเช่นนี้ทำให้ประสิทธิภาพการเลี้ยงหมูของฟาร์มนี้อยู่ในเกณฑ์ดีมากมาตลอด

       นอกจากนี้ จีระวรรณฟาร์ม ยังนำระบบไบโอแก๊สมาบำบัดของเสียที่เกิดจากการเลี้ยง ทำให้ได้ประโยชน์ถึง 4 ต่อ ทั้งได้ก๊าซธรรมชาติที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้ในฟาร์ม ช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าไฟและค่าน้ำมันดีเซลสำหรับเดินมอเตอร์พัดลมได้ถึง 50% จากก่อนใช้ระบบต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ประมาณ 40,000 บาทต่อรุ่น หลังจากใช้ระบบทำให้ค่าใช้ลดลงเหลือเพียง 20,000 บาทต่อรุ่น

        ที่สำคัญระบบไบโอแก๊สยังช่วยลดกลิ่นและแมลงวัน ทำให้การเลี้ยงหมูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน และยังได้กากมูลที่ผ่านการบำบัดแล้วซึ่งมีแร่ธาตุที่เหมาะสมกับต้นพืชสามารถนำไปเป็นปุ๋ยสำหรับนาข้าว สวนยาง ไร่ข้าวโพดและไร่มันสําปะหลัง ที่จีระวรรณปลูกไว้ รวมทั้งขายปุ๋ยนี้ให้กับเพื่อนเกษตรกรเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย

            “เราดีใจที่ได้อยู่ในครอบครัวซีพีเอฟ ที่ผ่านมาบริษัทเป็นทั้งเพื่อนคู่คิด ที่ปรึกษา และเป็นตลาดรับผลผลิต ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าเลี้ยงหมูแล้วจะขายให้ใคร หรือต้องไปเครียดกับตลาดที่ราคาผันผวน ที่สำคัญเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเลี้ยงหมูปลอดสารปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ได้มีอาชีพที่เราเลือกเองและมุ่งมั่นทำจนสำเร็จ แต่ละปีเรามีรายได้ราวๆ 700,000 บาทจากการเลี้ยงหมูขุน 2 รุ่น ปัจจุบันเลี้ยงรุ่นละ 680 ตัว ทำให้มีเงินส่งลูกทั้ง 2 คนเรียนจนจบปริญญาก็เพราะอาชีพเลี้ยงหมู วันนี้ยังวางแผนที่จะขยายฟาร์มให้กับลูกสาวคนโต เพราะเขาเห็นความสำเร็จของพ่อแม่ เราเชื่อว่าอาชีพนี้จะกลายเป็นมรดกให้ลูกๆได้อย่างแน่นอน” สง่า กล่าว  อย่างมั่นใจ

            จีระวรรณและสง่า ถือเป็นหนึ่งในเกษตรกรตัวอย่างที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เปิดรับความรู้ที่ไม่สิ้นสุด และสามารถประยุกต์ใช้เทคนิควิชาการใหม่ๆได้อย่างเหมาะสมจนประสบความสำเร็จมาวันนี้รวมเวลากว่า 17 ปีแล้ว