ผู้แทนสหกรณ์โคนมโอด จ่ายภาษีตามพ.ร.ฎ.ใหม่ตายแน่

  •  
  •  
  •  
  •  

ผู้แทนสหกรณ์โคนม ร้องสภาเกษตรกรฯช่วยหาทางปัญหาความเดือดร้อน พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 629) พ.ศ. 2560 ที่กำหนดให้เงินได้เกษตรกรหักค่าใช้จ่ายเหมาได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 60 ทั้งที่ต้นสูง ระบุหากคงเกณฑ์ภาษีตามนี้ เกษตรกรไปไม่รอด “ประพัฒน์” รับปากพร้อมทำหนังสือถึงนายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกภายในเดือนกกรกฎาคมนี้

            นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า ในการประชุมสภาเกษตรกรแห่งชาติครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ได้มีผู้แทนสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ ได้มาหารือและนำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจากกรณีการออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 629) พ.ศ. 2560 ที่กำหนดให้เงินได้เกษตรกรหักค่าใช้จ่ายเหมาได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 60

          อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้ผู้แทนสหกรณ์โคนมจากอำเภอไชยปราการ อำเภอแม่วาง อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ,  สหกรณ์โคนมจากอำเภอสีคิ้ว อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา , สหกรณ์โคนมจากลำพญากลาง จังหวัดสระบุรี  ,  จังหวัดลพบุรี ,จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสนอเรื่องนี้เข้าพิจารณาในการประชุม โดยนายสมพงษ์ ภูพานเพชร ตัวแทนสหกรณ์โคนม เข้าชี้แจงว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเดือดร้อนมากจากเรื่องภาษีที่กรมสรรพากรกำหนดให้หักค่าใช้จ่ายร้อยละ 60 ใน ส่วน 40 นำไปคำนวณภาษี พอเงินค่าน้ำนมออกเกษตรกรถูกหักค่าอาหารรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆเกษตรกรอยู่ไม่ได้แน่นอน บางคนไม่เหลือเงินเลยจึงต้องติดหนี้ภาษีที่ถูกจัดเก็บ ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงมากกว่าที่กรมสรรพากรกำหนด

            นายประพัฒน์ กล่าวอีกว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเคยสำรวจข้อมูลที่ว่านมผง 1 กิโลกรัม ต้นทุนประมาณ 15 บาท ในขณะที่ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 18 บาท  คิดเป็นร้อยละ 83 มากกว่าที่กรมสรรพากรกำหนด เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมต้องมีต้นทุนโรงเรือน ต้นทุนค่าซื้อโคนม ซึ่งแต่เดิมคำนวณที่ร้อยละ 85 เกษตรกรพอรับได้ แต่ขณะนี้เดือดร้อนมาก จึงให้นำหลักฐานมาประกอบการหักค่าใช้จ่ายในปัจจุบันยังเป็นไปไม่ได้เนื่องจากการซื้อฟาง , ข้าวโพด, มันสำปะหลังจากเกษตรกรไม่มีบิลเพราะไม่เคยได้ใช้ จึงไม่ทราบว่าจะมีหลักฐานได้อย่างไร

             อีกเรื่องที่น่ากังวลคือการเข้าสู่เขตการค้าเสรีหรือ FTA  โดยในปี 2568 นมผงนำเข้าไม่ต้องเสียภาษี แต่เกษตรกรไทยต้องเสียภาษีแน่นอน จะส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไปไม่รอด เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้ จึงมาร้องเรียนให้สภาเกษตรกรฯช่วยเหลือในเรื่องนี้

[adrotate banner=”3″]

           “เรื่องนี้สภาเกษตรกรแห่งชาติได้เคยทำหนังสือเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ภาครัฐยังคงกำหนดค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่ายของเกษตรกรที่ร้อยละ 85 ก่อนนำไปคำนวณภาษี โดยนายกรัฐมนตรีมอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาและกรมสรรพากรได้ชี้แจงการคงหลักเกณฑ์ว่าเกษตรกรสามารถนำหลักฐานมาประกอบการหักค่าใช้จ่ายจริงได้ แต่ประเด็นคือเกษตรกรจะนำหลักฐานเอกสารมาจากไหน ตามที่ตัวแทนสหกรณ์โคนมได้ชี้แจงว่า บางอย่างไม่มีบิล อาทิค่าซื้อฟาง , ข้าวโพด, มันสำปะหลังจากเกษตรกรไม่มีบิลอยู่แล้ว” นายประพัฒน์ กล่าว

            ประธานสภาเกษตรกรญ ยืนยันว่า งในที่ประชุมสภาเกษตรกรฯครั้งล่าสุดได้สรุปว่า จะยืนยันจะดำเนินการช่วยเหลือความเดือดร้อนของเกษตรกรในครั้งนี้ตามบทบาทหน้าที่ของสภาเกษตรกรแห่งชาติด้วยขั้นตอนการทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติอีกครั้ง นัดเครือข่ายเกษตรกรมาหารือถึงแนวทางการหาทางออกภายในเดือนกรกฎาคมนี้ผลการหารือจะนำสู่การขับเคลื่อนพร้อมกันทั่วประเทศและจัดแถลงข่าวเพื่อให้เกษตรกรได้รับรู้ทั่วกัน