“อิทธิ” ลุยปฏิบัติการ “อวสานสารเร่งเนื้อแดง” ลั่นปราบจริงคุมตรวจเข้มห้ามใช้เด็ดขาด หวังสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค

  •  
  •  
  •  
  •  

“อิทธิ” ลุยปฏิบัติการ “อวสานสารเร่งเนื้อแดง” ลั่นปราบจริงคุมตรวจเข้มห้ามใช้ ตั้งเป้าประเทศไทยปลอดสารเร่งเนื้อแดง สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค พร้อมดันส่งออกประเทศคู่ค้า

นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม Kick Off เปิดปฏิบัติการอวสานสารเร่งเนื้อแดง โดยมี นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ พันเอกรวิรักษ์ สัตตบุศย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พันตำรวจเอกชวินโรจน์ ภีมรัชตธำรงค์ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรเทพ พวงประโคน รองอธิการบดีฝ่ายสถาบัน วิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เข้าร่วม ณ อาคารมหานครมิวเซียม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร จากนั้น ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติพิเศษ และร่วมตรวจสอบสารเร่งเนื้อแดงที่โรงฆ่าโคในพื้นที่เขตหนองจอก กทม.

นายอิทธิ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตรด้วยการยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง ยกระดับศักยภาพของเกษตรกร/สถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็ง และสานต่อการทำสงครามสินค้าเกษตรเถื่อน พร้อมผลักดันนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ โดยกรมปศุสัตว์ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวและบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรม Kick Off เปิดปฏิบัติการอวสานสารเร่งเนื้อแดงในวันนี้ เป็นกิจกรรมสำคัญ ที่ขับเคลื่อนนโยบายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงตลอดห่วงโซ่การผลิต พร้อมสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนให้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นจากการใช้สารเร่งเนื้อแดง และได้กำชับให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการมาตรการเชิงรุกเฝ้าระวังการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงในโรงฆ่าสัตว์ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ และฟาร์มเลี้ยงโคขุนทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยปลอดสารเร่งเนื้อแดง และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค พร้อมส่งออกไปยังประเทศคู่ค้า

“ปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงนั้น ส่งผลกระทบกับผู้บริโภคและการส่งออก โดยเฉพาะการเปิดตลาดส่งออกโคไปยังประเทศจีน ที่จะกระตุ้นราคาโคในประเทศให้เพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ โดย กรมปศุสัตว์ หน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข และกองบังคับการปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค จึงผนึกความร่วมมือกันขับเคลื่อนปราบปรามสารเร่งเนื้อแดงอย่างต่อเนื่อง โดยมีชุดปฏิบัติการพิเศษ ลงพื้นที่สุ่มตรวจตามโรงฆ่า ฟาร์ม และสถานที่จำหน่าย เพื่อให้สารเร่งเนื้อแดงหมดไป จึงขอเตือนผู้เลี้ยงโคขุนห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง นอกจากจะมีโทษตามกฎหมาย ยังส่งผลอันตรายต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ ในวันที่ 27 พ.ย.67 ผมจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านกักกันสัตว์เชียงราย เพื่อติดตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคระบาดสัตว์ที่ผ่านเข้าออกประเทศ การส่งออกสินค้าปศุสัตว์ให้ได้ตามมาตรฐานสากล สะอาด ปลอดโรค ตามที่ประเทศคู่ค้ากำหนด“  กล่าว

ด้านนายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวเพิ่มเติมว่า สารเร่งเนื้อแดงที่มักพบการลักลอบใช้ ได้แก่ ซาลบูทามอล (Salbutamol) เคลนบูเทอรอล (Clenbuterol) และแรคโทพามีน (Ractopamine) ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อและลดการสะสมไขมัน จึงถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงสัตว์ปศุสัตว์ โดยเมื่อนำสารชนิดนี้ไปผสมอาหารสำหรับเลี้ยงในฟาร์มสุกรและโคขุน จะทำให้ได้เนื้อสัตว์ที่มีสีแดงสด ชั้นไขมันบาง ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ก่อให้เกิดการตกค้างในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เมื่อผู้บริโภคทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างเข้าไป จะทำให้กระสับกระส่าย ใจสั่น มือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และความดันโลหิตสูง

ทั้งนี้จะอันตรายมากขึ้นในหญิงมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ในผู้ที่แพ้ หรือได้รับสารในปริมาณมากอาจเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งกรมปศุสัตว์มอบหมายให้กองควบคุมอาหารและยาสัตว์เป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดมาตรการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ดำเนินมาตรการป้องกันการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดง โดยจัดให้มีการดำเนินการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่ การตรวจสอบการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงตั้งแต่การเลี้ยงของเกษตรกรในฟาร์ม การเฝ้าระวังในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ และการเฝ้าระวังสารเร่งเนื้อแดงตกค้างก่อนสัตว์เข้าโรงฆ่า

อีกทั้ง สามารถตรวจสอบการเฝ้าระวังสารเร่งเนื้อแดงย้อนกลับแหล่งที่มา และ/หรือแหล่งผลิต ณ สถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ ซึ่งสารเร่งเนื้อแดงเป็นวัตถุที่ห้ามใช้ผสมในอาหารสัตว์ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ พ.ศ. 2559 ตามความในมาตรา 6(4) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 หากตรวจพบการฝ่าฝืน มีโทษตามมาตรา 71 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ. 2546 เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ กำหนดให้อาหารทุกชนิดมีมาตรฐาน โดยตรวจไม่พบการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์และเกลือของสารกลุ่มนี้ อาหารที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างถือว่าผิดมาตรฐาน ตามมาตรา 25(3) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มีมีโทษตามมาตรา 60 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม หากต้องการซื้อเนื้อสัตว์ ผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่ปลอดภัย โดยสังเกตจากสัญลักษณ์ ปศุสัตว์ OK ซึ่งได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ หรือป้ายทองอาหารปลอดภัย (Food Safety) และหากพบผู้กระทำความผิดสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888หรือแจ้งข้อมูลผ่าน Application DLD 4.0 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง