“วันสหกรณ์แห่งชาติ” คึกคัก เพื่อมุ่งพัฒนาสหกรณ์ให้เข้มแข็ง “ธรรมนัส-อนุชา” แยกสายไปเปิดงานคนละที่  “ธรรมนัส”

  •  
  •  
  •  
  •  

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปี “วันสหกรณ์แห่งชาติ” หน่วยงานสหกรณ์จัดงานคึกคัก เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ “พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย”  และมุ่งเดินหน้าพัฒนาสหกรณ์ให้เข้มแข็งยกระดับการสร้างเครือข่ายสหกรณ์ระหว่างประเทศ   “ธรรมนัส” ไปเปิดงานที่ศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ขณะที่ “อนุชา” ลงพื้นที่ไปเป็นประธานพิธีเปิดงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดชัยนาท

วันที่ 26 กุมภาพันธ์  2567 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “งานวันสหกรณ์แห่งชาติ” ประจำปี 2567 โดยมี ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะผู้บริหารสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย

วันสหกรณ์แห่งชาติ จัดขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปี โดย สันนิบาตสหกรณ์ฯ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ “พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย” และเป็นการแสดงถึงความรู้รักสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของขบวนการสหกรณ์ไทย และเป็นการเผยแพร่ระบบสหกรณ์ให้แพร่หลาย ซึ่งปัจจุบันกระทรวงเกษตรฯ โดย กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้บูรณาการร่วมกับสันนิบาตสหกรณ์ฯ ในการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ในการบริหารจัดการระบบสหกรณ์ โดยยึดหลัก “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้”

ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกสหกรณ์ การแก้ปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรและสหกรณ์ออมทรัพย์ การจัดที่ดินทำกินให้แก่สมาชิกนิคมสหกรณ์ ตลอดจนการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตในสหกรณ์ ในโอกาสนี้ รมว.ธรรมนัส ได้เปิดศูนย์ประสานงานความร่วมมือสหกรณ์ระหว่างประเทศ (CLT-Coop International Cooperation Center ) เพื่อยกระดับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือสหกรณ์ไทยและสหกรณ์ต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการประสานความร่วมมือในการจัดประชุมสัมมนาการศึกษาดูงานสหกรณ์และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างสหกรณ์ไทยกับสหกรณ์ต่างประเทศ อีกด้วย

ในโอกาสนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ได้ร่วมหารือกับสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศมาเลเซีย หรือ ANGKASA สำหรับแนวทางความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการค้าระหว่างสหกรณ์ไทยกับสหกรณ์ในภูมิภาคอาเซียน (C-2-C) เพื่อขยายโอกาสทางการค้าของสหกรณ์ทั่วประเทศที่มีจำนวนมากกว่า 6,300 แห่ง สมาชิก 11 ล้านครัวเรือน มีมูลค่าสินทรัพย์โดยรวมมากถึง 4 ล้านล้านบาท แบ่งประเภทสหกรณ์ออกเป็น 7 ประเภท คือ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์ประมง สหกรณ์นิคม สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการ สหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ในอนาคตต่อไป

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปเป็นประธานพิธีเปิดงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดชัยนาท ประจำปี 2567 เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ “พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย” และเป็นการแสดงถึงความรู้รักสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดชัยนาท รวมทั้งตระหนักเห็นความสำคัญของระบบสหกรณ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดชัยนาท ตอบสนองตามนโยบายของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนระบบสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง

โดยมี นายสมบัติ อำนาคะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิทยา ชพานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชัยนาท ขบวนการสหกรณ์จังหวัดชัยนาท เข้าร่วม ณ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ตำบลเขาท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พิธีวางพานพุ่มสักการะพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย และอ่านสารนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันสหกรณ์แห่งชาติประจำปี 2567 โดย นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ จากนั้น กล่าวพบปะกับสมาชิกสหกรณ์จังหวัดชัยนาท ซึ่งมีสหกรณ์รวมทั้งสิ้น 38 สหกรณ์ แบ่งเป็น สหกรณ์การเกษตร 21 แห่ง สหกรณ์ออมทรัพย์ 4 แห่ง สหกรณ์บริการ 11 แห่งสหกรณ์เครดิตยูเนียน 2 แห่ง และกลุ่มเกษตรกร 23 กลุ่ม มีสมาชิกของขบวนการสหกรณ์กว่า 64,000 คน

”กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเดินหน้ามุ่งสร้างสหกรณ์คุณภาพ เพื่อประโยชน์สู่สมาชิกสหกรณ์โดยรวม สำหรับสหกรณ์ในจังหวัดชัยนาทนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาหาแนวทางเพื่อพัฒนาเสริมศักยภาพสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง เติบโตอย่างยั่งยืน ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนสมาชิกสหกรณ์ในทุก ๆ ด้าน ซึ่งตลอดระยะเวลา 108 ปี ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า การรวมตัวกันเป็นสหกรณ์นั้นเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ และก่อให้เกิดประโยชน์ส่วนรวมในประเทศไทย“ นายอนุชา กล่าว