“เฉลิมชัย” ชี้ในสถานการณ์โควิด-19 ภาคการเกษตรไทย ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง ย้ำต้องพัฒนาสินค้า โดยอาศัยเทคโนโลยี นวัตกรรม และงานวิจัย มาเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น จะทำให้ได้เปรียบประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก วอนเกษตรกรไทยจงมีความภาคภูมิใจ และเชื่อมั่นในอาชีพเกษตรกรรม ถือเป็นอาชีพที่อยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติและสง่างาม
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบโล่และประกาศนียบัตรเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ ให้แก่เฏษตรกรผู้ที่ได้รับรางวัลในสาขาต่าง ๆ ภายในงาน “เกษตรสร้างชาติ ครั้งที่ 2 และสัมมนารวมพลคนสร้างชาติ” ที่จัดขึ้น ณ ฮอลล์ 9 – 10 อิมแพคเมืองทองธานีว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้กระทบไปทั่วโลกนั้น แต่ประเทศไทยมีมาตรการที่จะควบคุมป้องกันสถานการณ์นี้ได้ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี ถึงกระนั้น รัฐบาลต้องมีมาตรการป้องกันและขอความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในทุกๆด้าน
ในด้านภาคการเกษตร ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส มีพื้นฐานที่เข้มแข็ง ต้องพัฒนาสินค้า พร้อมกับลดต้นทุนการผลิต ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และงานวิจัย มาเพิ่มมูลค่า ซึ่งจะทำให้ได้เปรียบประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งไทยนั้นมีความพร้อมในการผลิต การแปรรูป ทางด้านการผลิต จึงเป็นโอกาสที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วันนี้เกษตรกรมีการปรับตัวและพัฒนาที่มากขึ้น มีการรวมกลุ่ม มีการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพมากขึ้น ต้นทุนต่ำลง มีการพัฒนาบุคคลากร นอกจากนี้ ยังมีการขายในตลาดออนไลน์ โดยกระทรวงเกษตรฯ จะช่วยประสานให้สินค้าของพี่น้องเกษตรกรได้สามารถไปขายได้หลากหลายช่องทางเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของภาคราชการนั้นต้องเข้าไปพัฒนา อบรมบุคลากรเพื่อจะได้มาช่วยภาคการเกษตรให้พัฒนายิ่งขึ้นไป จึงอยากให้พี่น้องเกษตรกร มีความภาคภูมิใจ และเชื่อมั่นในอาชีพเกษตรกรรมว่าเป็นอาชีพที่อยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติและสง่างาม
สำหรับพิธีมอบโล่และประกาศนียบัตรเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ ให้แก่เฏษตรกรผู้ที่ได้รับรางวัลในสาขาต่าง ๆ มีดังนี้ดังนี้ 1) มอบโล่และประกาศนียบัตรเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติเกษตรกรแปลงใหญ่ดีเด่น ระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2563 จำนวน 12 คน 2) สาขาอาชีพทำสวน และสาขาอาชีพทำไร่จำนวน 14 คน 3) ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่น สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่น และกลุ่มยุวเกษตรกรดีเด่น จำนวน 23 คน 4)สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม จำนวน 8 คน และกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดีเด่น จำนวน 8 คน 5) วิสาหกิจชุมชนดีเด่น จำนวน 6 คน และ 6) คณะกรรมการอาสาสมัครเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 21 คน