“ดาลัด” เมืองน่ารักแห่งเวียดนามใต้
“ดาลัด” (Da Lat) อีกหนึ่งเมืองน่ารักโรแมนติกของเวียดนามใต้ ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น “มินิปารีส” หรือ “ปารีสแห่งตะวันออก” สุดแต่จะเรียกขาน ด้วยที่ตั้งของเมืองอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,500 เมตร อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีภูเขา ต้นสน และทะลสาบสวยงาม
เราเดินทางเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ คือกำไรที่นอกเหนือจากกายสัมผัส ลิ้นรับรสที่แตกต่าง โจทย์ไม่ยากที่ใครๆ ก็สามารถตักตวงได้นี้ ค้นพบได้ที่ “ดาลัด” (Da Lat) อีกหนึ่งเมืองน่ารักโรแมนติกของเวียดนามใต้ ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น “มินิปารีส” หรือ “ปารีสแห่งตะวันออก” สุดแต่จะเรียกขาน ด้วยที่ตั้งของเมืองอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,500 เมตร อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีภูเขา ต้นสน และทะลสาบสวยงาม ที่สำคัญเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมบ้านเรือนถอดแบบมาจากฝรั่งเศส ดาลัดจึงกลายเป็นจุดหมายของนักเดินทางที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศเงียบสงบ
ทะเลสาบซุนเฮือง และแลนด์มาร์คของดาลัด มองเห็นร้านกาแฟรูปก้นหอยไกลๆ
“ซินจ่าว” เช้าๆ ทักทายเป็นภาษาท้องถิ่น ทริปดาลัดครั้งแรกของใครหลายคนนี้ บัตรเครดิต “เคทีซี” อาสาพาลัดเลาะไปทั่วเมือง และได้ไกด์สาวชาวเวียดนามชื่อ “น้องแคท” พูดไทยได้ปร๋อคอยเล่าเรื่องสนุกๆ แฝงสาระเป็นอาหารหูตลอดเส้นทาง ก่อนอื่น “สาวแคท” เท้าความเป็นมาของเมืองว่า “ดาลัด” หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า “ด่า หลัด” แปลว่า “เมืองของคนหลัด” คนพื้นเมืองดั้งเดิมที่ทุกวันนี้ไม่มีแล้ว เพราะเมื่อความเจริญเข้ามา พวกเขาก็ย้ายเข้าป่าลึก ทิ้งไว้เพียงตำนานเล่าขานว่าสาวหลัดจะแต่งงานกับชายใด ต้องหาวัวควายไปแลกหนุ่มที่หมายปอง จึงมีคนตั้งข้อสังเกตขำๆ ว่าหนุ่มหลัดมีค่าเท่ากับควาย (หลายตัว) นั่นเอง ฮา…
สถานที่ราชการสร้างแบบตะวันตกจุดเช็กอิน “สถานีรถไฟเก่า”
อย่างที่เกริ่นว่าเกือบทั้งเมืองยังคงสถาปัตยกรรมบ้านช่องสไตล์ฝรั่งเศส และส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ ก็เนื่องจากช่วงที่เวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสอยู่หลายสิบปี จึงรับเอาวัฒนธรรมทั้งสิ่งก่อสร้าง อาหาร ศาสนา และภาษา โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นจนกลายเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาให้แก่เมือง โดยเฉพาะอาคาร “สถานีรถไฟเก่า” ที่สร้างด้วยศิลปะฝรั่งเศส ทุกวันนี้แม้รถไฟจะเลิกวิ่งไปนานแล้วเนื่องจากการจราจรบนถนนหนทางสะดวกขึ้น แต่ที่นี่ยังคงเป็นความทรงจำของชาวเมือง และสุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญไว้รับแขกบ้านแขกเมือง ยังไม่รวมโบสถ์คริสต์ และสถานที่ราชการที่กระจายอยู่ทั่วเมืองล้วนอบอวลไปด้วยศิลปะตะวันตก
น้ำตกดาตานลา
อายุของดาลัด 120 ปี แน่นอนว่าสะสมประชากรไว้มากโข ส่วนใหญ่อพยพมาจากเวียดนามกลาง พอคนเยอะประกอบกับภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง น้ำท่าเลยไม่เพียงพอ จึงต้องขุดทะเลสาบไว้กลางเมืองอย่าง “ทะเลสาบซุนเฮือง” แปลว่ากลิ่นหอมของฤดูใบไม้ผลิ เก็บน้ำไว้ใช้ทำประปาและการเกษตร แล้วก็สร้างแลนด์มาร์คของเมืองตรงนี้ไว้ทำกิจกรรมสันทนาการ มีร้านกาแฟสถาปัตยกรรมรูปก้นหอยโดดเด่น
รถรางซิ่งขับเองไปชมน้ำตกเบื้องล่าง
แต่ใช่ว่าตามหุบเขาต่างๆ จะแห้งแล้งไปเสียหมด ดูได้จากน้ำตกชื่อดัง “ดาตานลา” (มีน้ำอยู่ใต้ใบไม้) ปริมาณน้ำมากเกือบทั้งปีดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนได้ไม่ขาดสาย เวลาจะไปเที่ยวน้ำตกมีสองทางเลือกคือ นั่งรถรางบังคับเองแล่นจากข้างบนลงไปยังน้ำตกกับเดินเท้าลงซึ่งใช้เวลาต่างกันพอสมควร รถรางวิ่งฉิวจึงได้รับความนิยมจากผู้ต้องการท้าทายความกล้าเป็นพิเศษ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรจากความสูงราว 100 เมตร ใช้เวลา 5 นาที ก็ถึงน้ำตก ตีโค้งเหวี่ยงไปมาราวกับรถไฟเหาะ รับรองความปลอดภัยด้วยเข็มขัดนิรภัยแน่นหนานะจ๊ะ
เช้าๆ อากาศเย็นสบายชาวเมืองนิยมนั่งล้อมวงจิบกาแฟ ดอกอาร์ติโช้กสดมาเอาต้มซุปซดร้อนๆ คลายหนาว
อากาศที่ดาลัดน้อยนักที่จะทำให้ใครเหงื่อตก ร้อนสุดก็เพียง 28 องศา ต่ำสุดที่เคยมีมาคือ 9 องศา แต่สาวแคทบอกว่าบางวันอาจได้พบเจอถึง 4 ฤดู ความเย็นสบายนี้ทำให้อาคารบ้านเรือนไร้เครื่องปรับอากาศ ไปนอนโรงแรมที่ดาลัดอย่าได้ควานหารีโมทแอร์ จะเจอก็แค่ปุ่มปิดเปิดพัดลมเพดานเอาไว้ระบายอากาศ นอนเปิดหน้าต่างได้เลยสบายดี และนั่นก็เป็นคำตอบว่าที่นี่ปลูกพืชเมืองหนาวเจริญงอกงามดีด้วย อาชีพหลักของชาวเมืองคือเกษตรกรรมเพื่อการส่งออก ทั้งมันฝรั่ง ฟักทอง มะเขือเทศ อะโวคาโด โดยเฉพาะอาร์ติโช้กปลูกกันมากเพราะนิยมเอาไปทำชาชงกินแก้ร้อนไน ล้างตับ กินได้ทั้งวัน แต่ทำให้ง่วง ใครหลับยากหลับไม่ลึกกินชาอาร์ติโช้กก่อนนอนรับรองสนิทถึงเช้า
รวมกลุ่มฮาเฮตามสวนสาธารณะประสาวัยรุ่นเวียดนามสาวสวยกับทุ่งไฮเดรนเยีย
นอกจากนี้ยังมี “ทุ่งไฮเดรนเยีย” ดอกใหญ่มากๆ เพราะอากาศเย็น แหล่งท่องเที่ยวดึงดูดคนชอบดอกไม้ เมื่อก่อนไม่เก็บค่าเข้าชม แต่พอคนเยอะก็เก็บนิดหน่อยเป็นธรรมเนียมคนละ 30 บาท ไฮเดรนเยียออกดอกตลอดปี รวมถึงทุ่งลาเวนเดอร์ และทุ่งดอกบัวตองดอกไม้ประจำเมืองก็สามารถพบเห็นได้ทั่วไป
วัดลึงเฟือกโดดเด่นด้วยเจดีย์เจ็ดชั้น
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่อยากให้พลาด โดยเฉพาะชาวพุทธที่ชอบแสวงบุญ ควรหาโอกาสแวะ “วัดลึงเฟือก” หรือดินแดนแห่งสวรรค์ ตำนานของวัดนี่้คือ มีเจ้าอาวาสนักพัฒนาที่ละสังขารไปแล้วถูกฝังไว้ที่นี่ ผ่านไป 20 ปีชาวเมืองตั้งใจขุดศพมาเพื่อนำไปไว้ในสุสานใหม่ที่ใหญ่โตกว่า ปรากฏว่าศพเจ้าอาวาสไม่เน่าเปื่อย เชื่อกันว่าเพราะสั่งสมบุญไว้มากจึงช่วยรักษาร่างกายไว้ไม่ให้เสื่อมสลาย ทุกวันนี้มีหุ่นขี้ผึ้งของเจ้าอาวาสไว้ให้บูชา นอกจากนี้ยังมีพระประธานองค์ใหญ่ มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ทำจากกระดาษดอกบานไม่รู้โรย มีเจดีย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ 7 ชั้น ซึ่งเกร็ดเรื่องไหว้พระที่นี่คือเขาจะใช้ธูปเพียงดอกเดียวไหว้พระ เวลาอธิษฐานให้เอ่ยในใจ บอกชื่อตัวเอง วันเดือนปีเกิด ขออะไร ไม่ต้องบนบานศาลกล่าวอะไรทั้งนั้น
ถนนคนเดินไนท์บาร์ซ่าใจกลางดาลัดสตรีทฟู้ดเวีดนามสไตล์ ของแท้ลูกค้าต้องนั่งยองกิน
ออกจากวัดมองหาความบันเทิง ดาลัดมีย่านให้เตร็ดเตร่พอสมควร ทั้งตลาดคนเดินไนท์บาซาร์ใจกลางเมือง ร้านนั่งชิลริมทะเลสาบไปจนถึงแหล่งโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะมันๆ
ไข่ปิ้ง แป้งย่า พบเห็นได้ทั่วไปตามถนนหนทางหรือสถานที่ท่องเที่ยว
อ้อ…อย่าลืมแวะซื้อหาของฝาก นอกจากชาอาร์ติโช้กกินแล้วหลับก็มีลูกพลับที่ไกด์สาวบอกว่าซื้อแล้วกินทันทีไม่ได้ เพราะเขาจะใส่ถุงอัดแก๊สรอให้สุกในอีก 2 วันถึงจะหวานกรอบ ถ้าไม่เชื่อเปิดกินก่อนจะกลายเป็นมะนาว เพราะอะไรให้คิดเป็นการบ้าน…ฮา
*** ทริปหน้าเที่ยวไปกับเคทีซีแคมเปญ “กินพักเที่ยวเปรี้ยวยกแก๊ง กับบัตรเครดิตเคทีซี” รับสิทธิพิเศษมากมายโดยเฉพาะถ้ายกกันไปเป็นกลุ่ม รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www.ktcworld.co.th หรือ KTC World Line Official
ที่มา : เนชั่นทีวี