ดลมนัส กาเจ
ในที่สุดความพยายามของหนุ่มใหญ่วัย 49 ปี “ศศเศรษฐโชค ตามพระหัตถิ์” หรือ “โชค” ที่ตัดสินใจคืนสู่ถิ่น เพื่อพลิกพื้นที่ทุ่งนาที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้งที่บ้านเกิดหมู่ที่ 6 ต.หนองไผ่ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี กว่า 60 ไร่ หวังว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตที่ปลดปล่อยจากการเป็นลูกจ้าง และเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากที่ใช้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนในเมืองกรุงมายาวนานกว่า 10 ปี โดยมีความตั้งใจว่าจะพัฒนาพื้นที่ทำเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9
เขา เริ่มต้น 5 ไร่ในปี 2552 มาขุดสระเลี้ยงปลา เอาน้ำใช้ในพื้นที่เพาะปลูกข้าว ไม้ผล พืชผักสวนครัว เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ แม้จะมีรายได้ในเบื้องต้นไม่มาก แต่ด้วยที่ไม่มีหนี้สิน อยู่อย่างประหยัดแทบจะไม่ใช้เงินในแต่ละวันทำให้เขาอยู่ได้อย่างสบาย จากนั้นขยายพื้นที่การเกษตรเพิ่มขึ้น
ในจำนวนนี้ ศศเศรษฐโชค ได้นำพื้นที่ 6 ไร่ ทำเป็น “โคก หนอง นา” 2 แปลง ๆละละ 3 ไร่ ภายใต้ชื่อ “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” ได้รับสนับสนุนเงินทุนจากพัฒนาชุมชุนจังหวัดอุทัยธานี และได้รับสนับสนุนเงินสินเชื่อในโครงการพลังงานโซล่าเซลและโครงการขุดเจาะน้ำบาดาลในแปลงจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ด้วย
“เกษตรทำกิน” ได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปคณะของ ธ.ก.ส.ครั้งหนึ่ง และถือโอกาสได้พูดคุยกับ ศศเศรษฐโชค ถึงแนวทางในการสู้กับสภาพดินที่แห้งแล้งป็นแข็ง และดินดาน ซึ่งได้รับการ บอกเล่าว่า ปัจจัยสำคัญของการปลูกพืชนอกจากดินแล้วคือน้ำ ฉะนั้นจะต้องจัดการสระน้ำให้เพียงพอตามหลักของเกษตรทฤษฎีใหม่ ส่วนดินที่แห้งแล้งเป็นดินแข็งและดินดานนั้น ต้องจัดการให้เป็นด่างหรือร่วนซุยให้เหมาะแก่การเพราะปลูกพืช
ศศเศรษฐโชค ได้บอกว่าถึงแนวทางจัดการดินว่า ต้องทำการระเบิดดินด้วยการไถ่ลึกกลบต่อซังที่ทำนาซึ่งได้ผลเพียงเล็กน้อย จากนั้นนำสารโดโลไมท์ หรือปูนขาวไร่ละ 20 กก.ผสมขี้ไก่ตามสัดส่วนที่มีกำลัง โรยเมล็ดปอเทือง พอออกดอกให้ไถ่กลบอีก เพียงปีแรกรับรองเห็นผลชัดเจน ผลผลิตดีขึ้น พอปีที่สองได้ผลผลิตเพิ่มเท่าตัว (รายละเอียดตามในคลิป)