“บังวา” สุดยอดทับทิมอินเดีย ปลูกง่าย ทนแล้ง ผลดก…ราคาดี ทางเลือกใหม่เกษตรกรไทย

  •  
  •  
  •  
  •  

ดลมนัส กาเจ

      “ทับทิมนับเป็นพืชที่น่าสนใจให้ผลผลิตเร็ว  ปีแรกอาจจะให้ผลผลิต 20-30 กก.ต่อต้น ปีต่อๆมา ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตามขนาดของต้น ต้นอายุ 2 ปีขึ้นไป สามารถให้ผลผลิตกว่าต้นละ 40 -80 กก. แต่เราต้องเลือกผลไว้ ต้น 30 กก.ก็พอ เพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพดี ผลใหญ่ สวย ที่สำคัญทับทิมสามารถติดผลได้ตลอดทั้งปี แต่เราต้องคุม ตัดแต่งกิ่งเพื่อบังคับให้ทับทิมติดลูกได้เป็นชุดๆ ตามที่เราต้องการได้ “

      หลังจากที่คลุกคลีอยู่กับการปลูกทับทิมมาหลายปี ทำให้อดีตวิศวกรกรหนุ่มที่ทิ้งเงินเดือนหลักแสนมาเป็นเกษตรกรเต็มขั้น “อนุรักษ์ บุญลือ” เจ้าของสวน “ประเสริฐสุข” ที่บ้านหนองขาว ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จึงค้นพบว่า “บังวา” คือสุดยอดของทับทิมสายพันธุ์จากอินเดียเหมาะที่สุดสำหรับอากาศในเมืองไทย ทนแล้งได้ดี ออกผลผลิตดก ผลโต รสชาติอร่อย กรอบ เมล็ดนุ่มราวกับไร้เมล็ด ราคาแพงถึง กก.ละ 180 บาท พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 130-150 ต้น มีผลผลิตถึงไร่ละ 5 ตัน

       ที่จริง อนุรักษ์ เริ่มทำการเกษตรด้วยการปลูกอินทผาลัมกินผลสด เมื่อ 10 ปีก่อน แต่ระหว่างนั้นเขามองว่าตามห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะห้างโมเดิร์นเทรด ตามย่านเยาวราชมีทัทิบขาย ผลสวยราคาแพง จึงพยายามมองว่าที่ไหนที่ปลูกทับทิมมากที่สุด ปรากฏว่า ในประเทศไทยไม่มีเกษตรกรที่ลูกทับทิมเชิงการค้า เป็นกิจลักษณะเหมือนพืชเศรษฐกิจอย่างอื่นมีบ้างเมื่อก่อนแถวๆ อ.พบพระ จ.ตาก แต่ไม่มากนัก มีแต่ปลูกไว้ตามบ้านเพื่อบริโภคกันเอง สวนที่ขายตามห้างสรรพสินค้าส่วนนำเข้าเกือบ 100 % ที่นำเข้าจากอียิปต์ อินเดียว สเปน จีน บางส่วนจากอเมริกา ล่าสุดไทยนำเข้าทับทิมมูลค่าปีละ 495 ล้านบาท

      ในที่สุดเขาจึงทดลองปลูกเมื่อ 8 ก่อน แต่เนื่องจากอิมทผาลัม ตอบโจทย์ทางการค้าดีกว่า จึงเน้นไปที่อิมทผาลัม กระทั่งเมื่อ 3 ก่อนไปพบทับทิสายพันธุ์ “บังว” (BHAGWA) ซึ่งเป็นทับทิมสายพันธุ์ที่ดีที่สุดของอินเดีย ศึกษาข้อมูลพบว่าเป็นทนแล้ง ทดลองนำมาปลูกในประเทศไทยปรากฏว่าเพียง 1 ปีกว่า ออกผลผลิต และคุณภาพเหมือนกับที่ที่อินเดีย จึงสั่งกิ่งพันธุ์ที่เพาะเนื้อเยื่อมาจากอินเดียชุดแรก 2,000 ต้น ในราคากิ่งละ 400 บาท จากนั้นขยายพื้นที่ขึ้นเรื่อยๆปัจจุบันปลูกแล้ว 12 ไร่

   “ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในการบริโภคในระดับสากล ทั้งการบริโภคผลสดและแปรรูปเป็นน้ำทับทิม เพราะมีประโยชน์ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ลดคลอเรสเตอรอล ปรับระดับความดันโลหิต บำรุงและพัฒนาสมอง เสริมสร้างสมรรถทางเพศ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยชะลอความแก่  แถมยังเป็นผลไม้มงคลที่ใช้สำหรับไหว้ด้วย ทำให้ราคาแพง ตามห้างฯจะขายผลละ 60-90 บาท “อนุรักษ์ กล่าว

     เขา บอกถึงจุดเด่นของทับทิมพันธุ์บังวา ว่า  ผลใหญ่ 3-4 ผล/กก. บางผลมีขนาดถึง 500-700 กรัม ผิวสีผลสวย สีส้มแดง ผิวมัน เกลี้ยงเกลา เนื้อสีแดง สวย เมล็ดนิ่ม รสชาติหวาน กรอบอร่อย เป็นทับทิม 1 ใน 2 ของโลกที่เมล็ดนุ่มเหมือนไร้เมล็ดเหมือยทับทิมสเปน เมื่อนำมาปลูกในเมืองไทยก็สามารถติดผลและให้ผลผลิตที่ไม่ต่างจากที่ปลูกในอินเดีย แต่ละตนจะให้ผลผลิตเฉลี่ยต้นละ 30 กก.พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 130-150 ต้น ให้ผลผลิตไม่กว่าไร่ 5 ตัน ปัจจุบันขายเฉพาะผ่านออนไลน์ และที่ร้าน 1000 พฤฏษา ที่ อ.ท่าม่วง ในราคา กก.ละ 150 บาท ไม่เพียงพอต่อความต้องการขนาดมีห้างโมเดิร์นเทรด ต่อให้ส่งผลผลิตให้แต่ไม่สามารถผลผลิตได้ เนื่องกลัวผลิตไม่ทันนั่นเอง

      “ทับทิมนับเป็นพืชที่น่าสนใจให้ผลผลิตเร็ว  ปีแรกอาจจะให้ผลผลิต 20-30 กก.ต่อต้น ปีต่อๆมา ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตามขนาดของต้น ต้นอายุ 2 ปีขึ้นไป สามารถให้ผลผลิตกว่าต้นละ 40 -80 กก. แต่เราต้องเลือกผลไว้ ต้น 30 กก.ก็พอ เพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพดี ผลใหญ่ สวย ที่สำคัญทับทิมสามารถติดผลได้ตลอดทั้งปี แต่เราต้องคุม ตัดแต่งกิ่งเพื่อบังคับให้ทับทิมติดลูกได้เป็นชุดๆ ตามที่เราต้องการได้ “ เขา กล่าว

      อนุรักษื บอกว่า ทับทิมดูแลง่าย ขนาดแล้งก็ไม่ตาย แต่เราต้องดูแลบ้าง ใส่ปุ๋ยคอก 3 เดือน/ครั้ง สลับสูตร เสมอ 16-16-16 พอออกผลผลิต ใส่สูตร 8-24-24 บ้าง เพื่อเพิ่มรสชาติและความเข้มของสีเปลือกและสีเนื้อ ในส่วนของการให้น้ำก็เหมือนพืชทั่วไป รดน้ำ 2-3 วันครั้ง (รายละเอียดติดตามในคลิป)

สนลุยสวนทับทิมอินเดีย อิมทผาลัมกินผลสดที่สวน “ประเสริฐสุข” ไปชิมไปกินผลสดๆจากต้น ถึงในแปลงปลูก ชมรมสื่อเกษตรดิจิทัลและเอสเอ็มอีไทย จะพาไปลุยถึงแปลงเรียนวิธีปลูก ซื้อต้นกล้าในสวน ในวันที่ 8 สิงหาคม 2563 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 0897835887 (หนึ่ง) 09-3697-1456(เป้)0814977680(ตา)