ฟ้าทะลายโจรต้านโควิด มีประโยชน์และโทษคู่กัน

  •  
  •  
  •  
  •  

และให้ความรู้กับประชาชนในการล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย ทำให้ร่างกายแข็งแรง จะได้สร้างภูมิคุ้มกันกำจัดเชื้อ และหายจากอาการป่วยไปเอง…

เมื่อไม่นานมานี้นักวิทยาศาสตร์ไทย…ได้ทำการวิจัยทดลองทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหายาต้านโควิด-19 พบว่า “สารสกัดฟ้าทะลายโจร” สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสในหลอดทดลองได้ ทำให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และองค์การเภสัชกรรม

นำไปพัฒนาต่อยอดสู่ยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะทราบผล ชัดเจนได้ปลายเดือน มี.ค.นี้ กลายเป็นความหวังหากทีมวิจัยไทยพิสูจน์ได้ว่า “ฟ้าทะลายโจร” สามารถต้านเชื้อไวรัสได้ผลจริง…

ในวันนี้ “สกู๊ปหน้า 1” ชวนมารู้จัก “ฟ้าทะลายโจร” สมุนไพรไทยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลากหลายนี้ ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว หน.ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า นับแต่การระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009 มีผู้ป่วยเข้ารักษา 3,000 รายต่อวัน เพิ่มขึ้นจากวันปกติ 2,000 ราย

ทำให้มีการค้นหาวิจัยของประเทศต่างๆที่เกี่ยวกับวิธีการรักษาไวรัสนี้ พบว่า “สมุนไพรไทย…ฟ้าทะลายโจร” ที่เป็นยามีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ต้านการอักเสบ และต้านไวรัสได้ โดยเฉพาะไวรัสในกลุ่มโรคทางเดินหายใจ ทำให้นำฟ้าทะลายโจรมาใช้กับไข้หวัดใหญ่จนผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ

กระทั่ง “ไวรัสตระกูลโคโรนา” หรือโควิด-19 มีการระบาดใหม่ ในช่วงแรกยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอาการมากนัก แต่มีลักษณะคล้าย “ไข้หวัดธรรมดา” คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ มีน้ำมูก ไอ จาม และนักวิทยาศาสตร์มีการศึกษา “ไวรัสโควิด-19” ทำให้มีข้อมูลป่วยชัดเจนเพิ่มขึ้น…

จากนั้นก็มีการค้นงานวิจัยเกี่ยวกับ “ไวรัสตระกูลโคโรนา” พบว่า “ประเทศจีน” เคยศึกษาวิธีรักษา “ไวรัสซาร์ส” ซึ่งเป็นสายพันธุ์โคโรนาชนิดหนึ่ง หลังไวรัสยุติแล้ว โดยมีการทดลองในหลอดแก้ว และสัตว์ทดลอง ด้วยการสกัดสารสำคัญจาก “แอนโดรกราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจร” สามารถหยุดยั้งไม่ให้ไวรัสซาร์สเข้าสู่เซลล์ได้

“แม้ว่า…“ไวรัส” จะเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็หลุดสู่เซลล์ได้น้อย จนทำอันตรายต่อร่างกายไม่ได้ เพราะ “ฟ้าทะลายโจร”…มีฤทธิ์ในเชิง Antiviral broad spectrum คือ การออกฤทธิ์ได้หลากหลายกลไกในร่างกาย”

เชื่อว่า…มีคุณสมบัติสำคัญสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต้านการอักเสบ ช่วยลดไข้ โดยเฉพาะต้านเชื้อโคโรนาไวรัสที่ก่อโรคซาร์สได้ และไวรัสกลุ่มอื่นใกล้เคียงกัน ในโรคระบบทางเดินหายใจที่น่าจะมีศักยภาพช่วยป้องกันไม่ให้เข้าเซลล์ และป้องกันการกระจายตัวในร่างกายได้ดี

“สถานการณ์ปีนี้ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ในอนาคตอาจเป็นไวรัสประจำถิ่นที่เกิดทุกปีก็ได้ หากมุ่งหายาเฉพาะ หรือยาวัคซีน ตอนนี้อาจเป็นเรื่องยาก ในการทดลอง “ฟ้าทะลายโจร” จะเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายจับกินไวรัสได้ดีขึ้น กลายเป็นหยุดขยายการเติบโต…สุดท้ายไวรัส ก็ตายลง” ดร.ภญ.ผกากรอง ว่า

เรื่องนี้…เป็นกลไกมีประโยชน์ให้กับร่างกายมากกว่าจะปล่อยให้ร่างกายต่อต้านไวรัสโควิด-19 ได้เอง และสิ่งสำคัญ…แม้มีการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ก็ต้องเน้นย้ำประชาชน ควรลดโอกาสรับเชื้อด้วยการป้องกัน เช่น ใส่หน้ากากอนามัย หรือการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ส่วนการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ถือเป็นยาเสริมอีกชั้นหนึ่ง…

ย้ำว่า…งานวิจัยเกี่ยวกับ “ฟ้าทะลายโจร” ไม่เคยทดลองกับ “เชื้อไวรัสโควิด-19” แต่มีการทดลองกับ “เชื้อไวรัสซาร์สในหลอดแก้ว” หลังยุติระบาดไปแล้ว รวมถึงมีการทดลองกับ “ไข้หวัดใหญ่” ที่ระบาดกันอยู่ทุกปี พบว่า “ฟ้าทะลายโจร” เข้ากระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวคอยต่อสู้เชื้อโรคต่างๆให้สามารถจับกินไวรัสได้ดีมากขึ้น

หมายความว่า…เมื่อไวรัส…เข้าสู่ยังเซลล์ในร่างกาย…จะถูกเม็ดเลือดขาวที่ได้รับกระตุ้นจากฟ้าทะลายโจรในการทำหน้าที่กัดจับกินไวรัสให้น้อยอ่อนแอลง สุดท้ายก็ตายถูกขับออกจากร่างกายไป…

ประเด็น…หน่วยงาน 3 องค์กร วิจัยทดลองกับ “เชื้อไวรัสโควิด-19” ตามที่คุยกับ “ผู้ทำการทดลอง”…จะนำสารสกัดฟ้าทะลายโจรมาทดลองใน “เซรั่มจากเชื้อไวรัสจากผู้ป่วย” เพื่อให้ทราบว่า…สารสกัดนี้ออกฤทธิ์กับเชื้อไวรัสอย่างไรในเบื้องต้น หากได้ผลจริง…ต้องทดลองกับคน เพราะมีความหลากหลายของระบบร่างกาย…

ในการทดลองครั้งนี้มีขั้นตอนคล้ายกับ “จีน” เคยนำ “สารสกัดจากฟ้าทะลายโจร” ในการทดลองกับ “เชื้อไวรัสซาร์ส” ในหลอดแก้ว และสัตว์ทดลองมีผลออกฤทธิ์ระงับไม่ให้ไวรัสเข้าไปแพร่ทำลายเซลล์ได้สำเร็จ…

สาเหตุนี้จึงนำมาสู่การนำ “ฟ้าทะลายโจร” มาทดลองกับ “เชื้อไวรัสโควิด-19” อีกครั้ง เพราะมีโครงสร้างพันธุกรรมคล้ายกันถึง 85 เปอร์เซ็นต์ คิดว่า…น่าจะมีผลออกฤทธิ์เหมือนกันได้

ไม่นานมานี้…ยังได้รับเอกสารอย่างไม่เป็นทางการจาก “จีน” ที่นำตัวอย่างสมุนไพร 39 ชนิด มาทดลองกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ในการออกฤทธิ์ต้านไวรัสเพิ่มเติม ในจำนวนสมุนไพรนี้ “เปลือกส้ม และฟ้าทะลายโจร” ที่สามารถต้านฤทธิ์เชื้อได้ดี แต่นักวิจัยจีน…ก็แนะนำให้นักวิจัยไทยต่อยอดการศึกษา “ฟ้าทะลายโจร”

เพราะคำนึงถึงความรู้เดิมที่เคยมีมาแต่โบราณ อีกทั้ง “ฟ้าทะลายโจร” เป็นสมุนไพรไทยหาได้ง่าย มีมากพอต่อการผลิตยาสกัดเชื้อไวรัส เพราะ “การผลิตยา” ต้องคำนึงถึง “ราคาถูก” ที่ต้องให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ง่ายด้วย…

นอกจากนี้ นักวิจัยไทยยังศึกษา “พลูคาว” และ “รากชะเอม” ที่ทดลองในหลอดแก้ว ก็สามารถออกฤทธิ์สกัดไวรัสโคโรนาได้ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่แนะนำ…เพราะมีผลงานด้านวิจัยน้อยกว่า “ฟ้าทะลายโจร”

กลายเป็นกระแสสังคม…“แห่ซื้อฟ้าทะลายโจร” กันมากมาย เพื่อกินป้องกัน “เชื้อไวรัสโควิด-19” แต่ในฐานะเภสัชกรมองว่า…“การกินยา” ย่อมมีความเสี่ยง และประโยชน์เท่ากัน หากคนมี “ความเสี่ยงน้อย” ในการกินยา ย่อมเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อร่างกายได้ ขอแนะนำว่า “คนสุขภาพดี” ไม่จำเป็นต้องกินฟ้าทะลายโจร

เพราะมีรายงานผลกระทบ “การกินฟ้าทะลายโจร” ในผู้ป่วยบางรายที่ใช้ต่อเนื่อง พบว่า ทำให้ค่าทำงานของตับสูงขึ้น ในหลักการแพทย์แผนไทย…“ฟ้าทะลายโจร”…มีลักษณะออกฤทธิ์เป็น “ยาเย็น” เพื่อช่วยขับเรื่องความร้อนออกจากร่างกาย ในแต่ละคนก็มีความสมดุลของร่างกายต่างกัน ทั้งความเย็น และความร้อน

เมื่อไม่รู้สภาวะร่างกาย…หากเป็นคน “ร่างกายเย็น หรือคนขี้หนาว” ก็กิน “ฟ้าทะลายโจร” มีโอกาสเพิ่มความเย็นอีก หรืออาจมีอาการแขน ขา อ่อนแรงขึ้นได้ ส่วนกลุ่มเสี่ยง…ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว สามารถใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ช่วยป้องกันในขนาดใช้ยาน้อยกว่าการรักษาได้ แต่ว่าคนเป็น “ไข้หวัด” ก็สามารถกินได้ทุกกรณี

ประการต่อมา…“การสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย” ไม่จำเป็นต้องกินฟ้าทะลายโจรอย่างเดียว แต่การกินพืชผัก ผลไม้ ก็ช่วยออกฤทธิ์เกี่ยวกับ “แอนติออกซิแดนต์” หรือสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะ “ขิง” สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ดี เพราะเคยมีงานวิจัย…ที่เด็กติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง…และดื่มน้ำขิงทุกวัน สามารถรักษาจนหายเป็นปกติ

ดังนั้น การดื่มน้ำขิงทุกวันจะเสริมภูมิคุ้มกันที่มีความปลอดภัยดีต่อสุขภาพที่สุด สิ่งที่เน้นคือ…ลดการรับเชื้อไวรัส ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันด้วยการกินอาหารหลากหลาย ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพออยู่ตลอด

งานวิจัยวันนี้ชัดเจนที่สุด…คือ “ไวรัสโควิด-19” กลัวร่างกายที่แข็งแรง “คนไทย”…ก็อย่าตระหนก…แต่ต้องตระหนัก…ให้ความสำคัญ “ลดรับเชื้อไวรัส” และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เท่านี้ก็ลดการระบาดของโรคร้ายนี้ได้แล้ว..

ที่มาข้อมูล : ไทยรัฐ