กรมวิชาการเกษตร ชูต้นแบบเกษตร GAP ใช้เคมีไร้สารตกค้าง

  •  
  •  
  •  
  •  

กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ร่วมกับเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง และกลุ่มเกษตรกรราชบุรี เผยความคืบหน้าโครงการราชบุรีประชารัฐชูต้นแบบเกษตรกรรมคุณภาพมาตรฐาน GAP ใช้สารเคมีอย่างปลอดภัย ไร้ผลตกค้างปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภคตามที่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกฤษฎา บุญราช ได้รับดูแลและเริ่ม“โครงการราชบุรีประชารัฐ พืชผักและผลไม้ปลอดภัย นำไทยสู่ครัวโลก”เพื่อใช้เป็นพื้นที่ต้นแบบของการผลิตผักและผลไม้ด้วยการใช้สารเคมีอย่างปลอดภัยรวมทั้งให้มีการศึกษาผลกระทบจากการปฏิบัติจริงหลังจากเกษตรกรได้รับคำแนะนำให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีโดยเปรียบเทียบและตรวจสอบผลอย่างต่อเนื่อง ก่อน ระหว่าง และหลังดำเนินโครงการทั้งในด้านสุขภาพเกษตรกรและการตกค้างในผลผลิตและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องนำผลที่ได้มาวิเคราะห์  และสรุปผล พร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อยืนยันว่าสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ ได้แก่สารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส ไม่ได้ส่งผลกระทบด้านลบดังที่เป็นข่าวเนื่องจากกระแสข่าวเรื่องสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำซ้ำเติมเกษตรกรเพิ่มจากปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง แถมด้วยต้นทุนพุ่งจากการกักตุนสารเคมี ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น 3 เท่า กระทบไกลถึงเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ประเทศ และการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมในระยะยาวนางสาวอัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ผู้แทนเกษตรกรในโครงการฯเปิดเผยว่า “โครงการราชบุรีประชารัฐได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมอยู่ภายใต้การทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาตั้งแต่ปี 2561โดยมีเป้าหมายเกษตรกรของเครือข่ายผ่านการรับรองมาตรฐาน GAP เป็นการทำงานภายใต้กลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เกษตรกร และภาคเอกชนเพื่อมุ่งเน้นการผลิตอาหารปลอดภัยไร้สารตกค้างแม้จะใช้สารเคมีซึ่งเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกก็มีใช้กันในทุกประเทศทั้งนี้ อยากจะเน้นย้ำว่าการพัฒนาภาคการเกษตรกรรม คงต้องยึดหลักผสมผสานอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดความสมดุลของระบบ สอดคล้องกับความเป็นจริง การผลิตอาหารปลอดภัยมี 2 ระบบคือการเกษตรอินทรีย์ คือไม่ใช้สารเคมีเลย และการเกษตรมาตรฐาน GAP ใช้สารเคมีอย่างปลอดภัยไร้ผลตกค้าง มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ เกษตรปลอดภัยแต่ด้วยวิธีการที่ต่างกันสำหรับโครงการราชบุรีประชารัฐฯ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรุ่นแรกทั้งสิ้น 50 รายจากผู้ปลูกพืช ผักและผลไม้ ในพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ปัจจุบันเกษตรกรดังกล่าวปฏิบัติตนตามมาตรฐาน GAPเพาะปลูกและใช้สารเคมีอย่างถูกต้องเหมาะสม รู้จักป้องกันตนเอง และใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เป็นกิจนิสัยโดยจะเสร็จสิ้นโครงการในเดือนธันวาคมนี้”

นอกจากนี้ วันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เกษตรกรมาตรฐาน GAP รุ่นแรกได้เข้ารับการอบรมและการสอบผ่านตามมาตรการจำกัดการใช้สารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส และขอยืนยันว่า เกษตรกรยังจำเป็นต้องใช้สารกำจัดวัชพืช รวมทั้ง มีการตรวจสอบน้ำ ดิน ผักและผลไม้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ตลอดระยะเวลา 2 ปี ก็ไม่พบการตกค้างของสารพาราควอต
“โครงการฯ จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเขต 5 ราชบุรีกรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติที่เป็นหน่วยงานที่เกษตรกรสามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริง สำหรับแผนการดำเนินงานต่อไปจะขยายผลไปสู่เกษตรกรในเครือข่ายเพิ่มมากขึ้นพร้อมส่งผลผลิตสู่ตลาดโลกและส่งต่อผลิตผลคุณภาพสูงไปยังกลุ่มโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ท้ายที่สุดเกษตรมาตรฐาน GAP นี้ จะเป็นเครื่องยืนยันผลผลิตการเกษตรถึงคุณภาพ ความปลอดภัยและเหมาะสมต่อการบริโภค ด้วยการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและเหมาะสมดีกว่าการแบนหรือยกเลิกใช้สารเคมี และปราศจากทางออกที่ยั่งยืน
ท้ายที่สุด เกษตรกรจะไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่รู้ ผู้ที่ให้ข่าวร้ายมาทำลายเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่เกษตรกรและขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มีบัญชาเร่งด่วนมาที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมข้อมูลทั้ง 4 ฝ่ายคือ รัฐ ผู้ผลิต เกษตรกร ประชาชนและท่านยังเน้นย้ำว่า เกษตรกรต้องไม่เดือดร้อนกับวิธีการแก้ปัญหา” ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง