ทูตพาณิชย์จับตาสงครามการค้าจีน-สหรัฐรอบ 3 “จีน” พร้อมสวนกลับตาต่อตา ฟันต่อฟัน เล็งเป้าหมายใช้เครื่องมือค่าเงินหยวน-ธุรกิจจีนที่ซัพพลายวัตถุดิบให้บริษัทสหรัฐ เอกชนไทยลุ้นรับอานิสงส์ส่งสินค้าเสียบแทน ล่าสุด ส.อาหารสัตว์ชี้ราคาถั่วเหลืองโลกดิ่ง หลังจีนขึ้นภาษี เล็งปรับสูตรใช้ถั่วเหลืองแทนปลาป่น
ผู้สื่อข่าว “ประชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อสัปดาห์สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา (ทูตพาณิชย์) ได้รายงานวิเคราะห์ผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐ และจีน ซึ่งได้เริ่มการตอบโต้ทางการค้ารอบใหม่อีกครั้ง และหลายฝ่ายมองว่ากรณีพิพาทระหว่างสหรัฐกับจีนครั้งนี้จะก่อให้เกิดความตึงเครียดเข้าขั้นวิกฤต
ล่าสุดวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Donald Trump ได้ประกาศแผนเพิ่มภาษีนำเข้ากับสินค้าจีน รอบ 2 มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประชาพิจารณ์เพิ่มจาก 10% เป็น 25% และประกาศขู่ด้วยว่าอาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบที่ 3 ซึ่งจะทำให้สินค้าจีนเกือบจะทั้งหมดที่ส่งเข้าไปยังสหรัฐมีอัตราภาษีเพิ่มขึ้น
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้แถลงตอบโต้จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ 5,207 รายการ มูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยอัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐจะถูกแบ่งออกเป็น 4 อัตรา ระหว่าง 5-25%
ทุบจีนซัพพลายวัตถุดิบสหรัฐ
รายงานข่าวระบุว่า การตอบโต้ของจีนจะมุ่งไปที่ธุรกิจของคนจีน ในประเทศจีนที่ทำงานให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ตั้งแต่ Apple ไปจนถึง General Motors ที่รับโอนถ่ายปฏิบัติการจำนวนมากในประเทศจีนไปดำเนินการ ให้บริษัทสหรัฐจ่ายค่าแรงคนงานในสหรัฐ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงมาก ขณะที่ค่าแรงคนงานในประเทศจีนที่ประกอบสินค้าให้อยู่ในระดับต่ำมาก สร้างการแข่งขันด้านราคาให้สินค้าส่งออกจีนในตลาดต่างประเทศถูกลง และสินค้านำเข้าประเทศจีนจากต่างประเทศแพงขึ้น ด้วยการปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินแข็งค่า ส่วนดอลลาร์สหรัฐลดลงเกือบ 9% และจีนวางแผนลดค่าเงินหยวนในตลาดต่างประเทศที่ไม่เข้มงวดเรื่องการค้าเงินตราระหว่างประเทศเช่น ฮ่องกง ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวของสหรัฐทำให้ภาคธุรกิจและภาคการเกษตรสหรัฐหลายกลุ่มแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย และมองว่าจะยิ่งทำให้ได้รับผลกระทบและเสียหายมากขึ้นอีก
ถั่วเหลืองสหรัฐอ่วมส่งออกไม่ได้
ขณะที่คำมั่นสัญญาของประธานาธิบดี Trump ที่จะให้เงินช่วยเหลือแก่ภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ 12,000 ล้านเหรียญ ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากเกษตรกรและจากนักการเมืองสหรัฐ โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สหรัฐผลิตได้มากที่สุดในโลก และเป็นสินค้าเกษตรส่งออกไปประเทศจีนมูลค่าสูงสุด คือ 124,000 ล้านเหรียญ
ขณะนี้เกษตรกรกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับความเสียหายจากการขึ้นภาษีนำเข้าของจีน เนื่องจากเกษตรกรสหรัฐหลายรายรวมถึงผู้ผลิตถั่วเหลืองได้ทำสัญญาขายสินค้าในระยะยาวที่มีการล็อกราคาสินค้าไว้ก่อนหน้าแล้ว ส่วนเกษตรกรที่เหลือยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายพืชผลหรือยังไม่ได้ทำการเก็บเกี่ยวนั้น ภายใต้ระบบที่มีเพิ่มขึ้นของตลาดโลก ประกอบกับอุปทานจากบราซิล ผู้ผลิตถั่วเหลืองรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก กำลังการผลิตลดต่ำลงนอกจากนี้ คาดว่าปีนี้สหรัฐจะผลิตถั่วเหลืองได้น้อยลง จะทำให้ราคาขยับสูงขึ้น
อาหารสัตว์รับอานิสงส์
สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจีนขึ้นภาษีนำเข้าธัญพืชถั่วเหลือง ข้าวฟ่างตอบโต้สหรัฐ ส่งผลให้สหรัฐไม่มีตลาด ต้องระบายถั่วเหลืองสู่ตลาดอื่น ๆ ทดแทนตลาดจีน ขณะที่จีนก็หันไปนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิลแทนสหรัฐ ปรากฏการณ์นี้อาจส่งผลให้ทิศทางราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกอ่อนตัวลง โดยจะเห็นผลชัดเจนในเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป น่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองและอาหารสัตว์ เพราะวัตถุดิบถั่วเหลืองราคาจะถูกลง ส่วนข้าวฟ่างยังไม่เป็นที่นิยมใช้มากนัก
“หากราคาถั่วเหลืองลดลงก็มีโอกาสที่กลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์จะปรับสูตรอาหารสัตว์ นำถั่วเหลืองราคาถูกมาใช้ทดแทนปลาป่น ซึ่งปกติจะใช้ปลาป่นเป็นส่วนผสมให้สารอาหารโปรตีนเป็นหลักประมาณ 1 แสนตันต่อปี”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสั้นภาพการส่งออกจากจีนไปสหรัฐยังเพิ่มขึ้น เพราะผู้นำเข้าสั่งนำเข้าเพื่อสต๊อกวัตถุดิบล่วงหน้า เพราะมาตรการขึ้นภาษีรอบแรกเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อกรกฎาคม และลอต 2 กำลังจะมีผลบังคับใช้เดือนนี้ หลังจากนั้น ยอดส่งออกสินค้าไทยน่าจะได้รับอานิสงส์เพิ่มขึ้น เพราะสินค้าที่ไทยถูกสหรัฐใช้มาตรการขึ้นภาษีมีเพียงกลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียมเท่านั้น